CU-PIG FARMING: โรงเรียนสาธิตการเลี้ยงสุกร เปิดทางเลือกใหม่ของเกษตรกรในจังหวัดน่าน
จังหวัดน่านประสบปัญหาผลผลิตทางการเกษตรไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในจังหวัด ส่งผลให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรจากที่อื่น โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสุกร เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนทางด้านอาหาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงริเริ่มโครงการเพื่อเพิ่มผลผลิตเนื้อสุกร เพื่อสนับสนุนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของเกษตรกรในท้องถิ่น โครงการดังกล่าวเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างเกษตรกรและหน่วยงาน สร้างเครือข่ายในการช่วยเหลือระหว่างเกษตรกรด้วยกัน รวมถึงหน่วยงานภายนอก เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการจัดการด้านอาหารของจังหวัด
โครงการเริ่มต้นด้วยศูนย์ผสมเทียมและวิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตสุกร สำหรับจังหวัดน่านการผสมเทียมสุกรโดยใช้น้ำเชื้อซึ่งเป็นที่ทำกันเป็นหกติในฟาร์มสุกรขนาดใหญ่ เป็นเรื่องใหม่ยังไม่มีการใช้อย่างแพร่หลายในเกษตรกรรายย่อย ในปี 2547 เมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแนะนำเทคนิคนี้ให้แก่เกษตรกร มีเกษตรกรจำนวนมากไม่เห็นด้วยเนื่องจากกังวลว่าลูกสุกรที่ออกมาจะไม่แข็งแรงรวมถึงจำนวนลูกสุกรที่เกิดขึ้นในแต่ละครอกว่าจะได้น้อยกว่าการผสมโดยใช้พ่อพันธุ์ ซึ่งในความเป็นจริงการผสมเทียมสามารถเพิ่มจำนวนลูกสุกรและลดการแพร่กระจายของโรคที่ติดต่อที่เกิดจากการผสมพันธุ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ให้ความรู้และแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ทำให้การผสมเทียมได้รับการยอมรับในหมู่เกษตรกรรายย่อยในจังหวัดน่าน

เพื่อเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนและความมั่นคงทางอาหารตามที่ระบุไว้ในแผนยุทธศาสตร์จังหวัดน่านศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CLNR) ได้จัดหาน้ำเชื้อสุกรเพื่อการผสมเทียมและจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรรายย่อยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 นอกจากนี้ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดตั้งโรงเรียนสาธิตการเลี้ยงสุกรแบบผสมผสานเพื่อสอนเกษตรกรในท้องถิ่น นักเรียน และเยาวชนอื่นๆ เกี่ยวกับการเพาะพันธุ์และการจัดการสุกรในระบบสมัยใหม่ ซึ่งในโครงการนี้ เกษตรกรรายย่อยจะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการผสมเทียมและรวมถึงการผลิตน้ำเชื้อสุกรด้วยตนเองเพื่อการผสมเทียม
ความสำเร็จของแนวคิดเหล่านี้ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแนวปฏิบัติในการเพาะพันธุ์สุกรในท้องถิ่นจากการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติเป็นการผสมเทียมโดยใช้น้ำเชื้อคุณภาพสูง ซึ่งช่วยลดการแพร่กระจายของโรคที่เกี่ยวข้องกับการผสมพันธุ์ ในปัจจุบันมีความต้องการน้ำเชื้อ 500 หลอดต่อเดือนสำหรับการผสมเทียม ศูนย์แห่งนี้ยังทำงานเพื่อพัฒนาและผลิตอาหารสัตว์โดยใช้ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น โดยเฉพาะอาหารสัตว์สำหรับสุกร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเลี้ยงสัตว์อย่างยั่งยืนในระดับชุมชนที่สามารถเพิ่มรายได้ของเกษตรกรรายย่อยและเพื่อให้สอดคล้องกับแผนความยั่งยืนด้านทรัพยากรและเศรษฐกิจของจังหวัดน่าน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งโรงเรียนต้นแบบการเลี้ยงสุกรแบบผสมผสาน มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับชุมชนในจังหวัดน่าน โดยมีกิจกกรมการฝึกอบรมเนื้อหาทางวิชาการที่จำเป็นสำหรับผลิดและการจัดการฟาร์มสุกรที่เหมาะสม การลดต้นทุนการเลี้ยงสุกร การผลิตอาหารสุกรโดยใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่หาได้ในท้องถิ่น และการฝึกอบรมภาคปฏิบัติที่โรงเรียนสาธิตการเลี้ยงสุกรแบบผสมผสาน เพื่อสร้างทางเลือกอาชีพและส่งเสริมรายได้จากการเลี้ยงสุกรให้กับชุมชน

ที่มา: ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:
อื่นๆ
โรงเรียนสาธิตการเลี้ยงสุกร
หากจะพยายามอธิบายความหมายของคำว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือคำว่าความมั่นคงทางอาหารให้กับชาวบ้านที่อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ก็อาจจะไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยว่ามีความสำคัญอย่างไร จนกระทั่งได้รับมอบลูกหมูให้หนึ่งคู่
การพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรด้วยระบบเกษตรแบบยั่งยืน
จุฬาฯ จัดทำโครงการ “การพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรด้วยระบบเกษตรแบบยั่งยืน” โครงการนี้ส่งเสริมการสร้างทักษะและความรู้ด้านระบบการผลิตและแนวทางการตลาดที่จะผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายกลุ่มเกษตรกร
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้นิสิตจัดตั้งชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เพื่อเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รูปแบบที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพใจ ภายใต้แนวคิดชุมชนที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ
ปัจจุบันประเทศไทยได้กลายเป็นสังคมสูงวัย ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 โดยปัญหาสุขภาพทั้งทางกาย และจิตใจ ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญหนึ่งของผู้สูงอายุ ในด้านที่อยู่อาศัยพบว่า ผู้สูงอายุในประเทศไทยส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 92.44 ต้องการที่จะอยู่อาศัยในที่อยู่อาศัยเดิม และต้องการปรับปรุงที่อยู่อาศัย และสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ตามแนวคิด การสูงวัยในถิ่นเดิม (Aging in place) ปัจจัยสำคัญคือ ที่อยู่อาศัยต้องถูกออกแบบให้เป็นที่อยู่อาศัยที่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีความเกี่ยวโยงกับชุมชนที่ต้องดำเนินการปรับสภาพแวดล้อมของชุมชนให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน




