แนวทางการปฏิบัติงานที่ยืดหยุ่นของจุฬาฯ : การปรับตัวเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของบุคลากร
Photo by Dan Nelson on Unsplash
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของทางภาครัฐต้องมีการปรับตัว และปรับรูปแบบในการให้บุคลากรเข้ามาปฏิบัติงาน จากที่ต้องเข้ามาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของหน่วยงานเท่านั้น เปลี่ยนเป็นลักษณะที่มีความยืดหยุ่นขึ้น เช่น การลดวันในการให้บุคลากรเข้ามาปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย โดยปรับเปลี่ยนไปเป็นการทำงานจากที่พักอาศัย หรือทำงานทางไกลโดยไม่ต้องเข้ามาในสถานที่ทำงาน เพื่อลดความเสี่ยงของการติดต่อและการการแพร่กระจายของเชื้อโรค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้และมีการกำหนดรวมทั้งประกาศแนวทางในการปฏิบัติงานสำหรับบุคลากรที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ให้บุคลากรสามารถเลือกปฏิบัติได้ ทั้งแบบการเลือกเหลื่อมเวลาในการทำงาน หรือ การลดวันเข้ามาปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย แต่ใช้วิธีการปฏิบัติงานจากทางไกลหรือปฏิบัติงานจากที่พักอาศัยแทนในวันที่ไม่เข้ามาปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย ผสมผสานกันไป โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน และเมื่อนับเวลาปฏิบัติงานรวมกันแล้วต้องไม่น้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตั้งแต่เมื่อปี 2563 เป็นต้นมา และยังอนุญาตให้ใช้รูปแบบการทำงานแบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน [ https://www.chula.ac.th/news/28280/ ]

ประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง การปฏิบัติงานของบุคลากรในภาวะที่เชื้อโรค COVID-19 ระบาด
และจากแนวทางนี้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้มีการวางระบบให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานจากที่พักอาศัยหรือการปฏิบัติงานจากทางไกลในกรณีที่บุคลากรเลือกปรับรูปแบบการปฏิบัติงานโดยการลดวันเข้ามาปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย โดยให้สำนักบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเตรียมและสนับสนุนซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่จำเป็น รวมทั้งระบบบริการสนับสนุน ให้คำแนะนำ และช่วยเหลือต่างๆ เพื่อช่วยให้บุคลากรปฏิบัติงานจากที่พักอาศัยได้อย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพเทียบเท่าการปฏิบัติงานในรูปแบบเดิม เช่น ระบบ e-mail จุฬาฯ, ระบบการประชุมทางไกล, โปรแกรม VPN, ระบบ LessPaper เป็นต้น [ https://www.it.chula.ac.th/all-services/ ]
นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแนวทางการปฏิบัติราชการที่รองรับชีวิตและการทำงานวิถีใหม่ พร้อมคู่มือ เพื่อให้ส่วนราชการใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป และมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐพิจารณานำแนวทางและคู่มือดังกล่าว ไปปรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการตามความเหมาะสม
สำหรับรูปแบบการปฏิบัติงานรูปแบบใหม่ แบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ
รูปแบบที่ 1 การปฏิบัติงานในที่ตั้งโดยการเหลื่อมเวลาทำงาน เช่นกำหนดช่วงเวลาการเข้างานและเลิกงานเป็น 4 ช่วง ตั้งแต่ 07.30-15.30น., 08.00-16.00 น., 08.30-16.30 น. และ 09.30-17.30 น.
รูปแบบที่ 2 การปฏิบัติงานในที่ตั้งโดยการนับชั่วโมงการทำงาน ตามความเหมาะสมกับรูปแบบการดำรงชีวิต โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน โดยเมื่อนับเวลาปฏิบัติงานรวมกันแล้วต้องไม่น้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
รูปแบบที่ 3 การปฏิบัติงานนอกที่ตั้ง โดยกำหนดให้สอดคล้องกับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติงานนอกที่ตั้งของส่วนราชการ

ที่มา: [ https://www.thaipbs.or.th/news/content/319628 ]
[ https://www.facebook.com/photo/?fbid=409956174651920&set=a.252553717058834 ]
ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของทางภาครัฐ จะใช้แนวทางการปฏิบัติราชการที่รองรับชีวิตและการทำงานวิถีใหม่ มากำหนดรูปแบบวิธีการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับภารกิจและลักษณะงาน เพื่อให้บุคลากรสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงคุณภาพชีวิตในการทำงานของบุคลากรและวิถีการดำเนินชีวิตเพื่อการสร้างสมดุลที่เหมาะสมกับการปฏิบัติงานอย่างยั่งยืนต่อไป
ที่มา:
- ศูนย์กฎหมายและนิติการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สำนักบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
จุฬาฯ วางแนวทางแก้ปัญหาน้ำระยะยาวผ่านงานวิจัยหลากมิติ เสนอกลยุทธ์บริหารจัดการน้ำยั่งยืนเพื่อชาติร่วมกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พัฒนาความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในมิติของการมุ่งแก้ปัญหาประเทศในระดับมหภาคหลายด้าน โดยการบริหารจัดการน้ำเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ได้รับการบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของประเทศไทย ที่มุ่งแก้ปัญหาแบบองค์รวมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ โดยใช้องค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการคุณภาพน้ำสร้างให้เกิดมาตรฐาน
จุฬาฯ กับนโยบายและการลงทุนเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
Net Zero Greenhouse Gas Emissions หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญและมีการจัดการอย่างเร่งด่วน ตามมติการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ครั้งที่ 26 หรือ COP26 เมื่อปี 2021 (พ.ศ. 2564) ที่สนับสนุนเป้าหมายในการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันหายนะที่จะเกิดจากสภาวะอากาศสุดโต่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการให้บริการและดูแลสุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตใจสำหรับนิสิตและบุคลากรของจุฬาฯ
ในปัจจุบันการการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมทางการศึกษา ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศไทย ได้ดำเนินมาตรการที่ครอบคลุมเพื่อให้บริการและดูแลด้านสุขภาพทางกายและการสนับสนุนดูแลด้านสุขภาพทางจิตใจแก่นิสิตและบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
จุฬาฯ ฟื้นฟูระบบนิเวศป่าเสื่อมโทรม สู่ป่าแห่งการเรียนรู้คาร์บอนเครดิต เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ
ด้วยสถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงเพิ่มสูงขึ้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งตระหนักถึงความสำคัญของ “ระบบนิเวศป่าไม้” อันเป็นแหล่งรากฐานสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อม ที่จะช่วยลดปัญหา จุฬาฯ จึงได้ดำเนินโครงการ “ปลูกป่าเพื่อการเรียนรู้คาร์บอนเครดิต จุฬาฯ สระบุรี” เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กลับมามีชีวิต สร้างสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และขับเคลื่อนการเรียนรู้ด้านระบบนิเวศป่าไม้และคาร์บอนเครดิตอย่างเป็นรูปธรรม





