การส่งเสริมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Photo by Yoann Boyer on Unsplash
ในการดำเนินการเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ในด้านน้ำสะอาดและสุขาภิบาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีการจัดทำโครงการและดำเนินการกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้อาจารย์ นิสิต และบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตระหนักถึงความสำคัญและรู้จักใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า
ตัวอย่างโครงการและการดำเนินงานในช่วงปี 2566-2567
1. สำนักบริหารระบบกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มีการดำเนินโครงการเพื่อเป็นการช่วยประหยัดน้ำและการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการ
(1) ปรับเปลี่ยนก๊อกน้ำในห้องน้ำให้เป็นระบบเซนเซอร์ปล่อยน้ำแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดการกดน้ำในแต่ละครั้ง และช่วยในเรื่องการลืมปิดน้ำหลังจากการใช้งานเพื่อเป็นการช่วยประหยัดน้ำ รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนสุขภัณฑ์เป็นแบบช่วยประหยัดน้ำ ภายในอาคารในความรับผิดชอบทั้งหมดภายในมหาวิทยาลัย
(2) มีการติดแผ่นประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมสร้างความตระหนักถึงความสำคัญและรู้จักใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าภายในบริเวณห้องน้ำ และห้องซักล้าง เพื่อเป็นการสื่อสารสร้างความตระหนักให้แก่อาจารย์ นิสิต และบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งบุคคลทั่วไปจากภายนอกที่เข้ามาใช้บริการหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย
(3) กำหนดให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบงานด้านภูมิทัศน์ดำเนินการนำน้ำทิ้งหรือน้ำเสียจากการอุปโภคบริโภคที่ผ่านการบำบัดเรียบร้อยแล้ว นำมาใช้ประโยชน์ในการรดน้ำต้นไม้ภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย [ http://www.green.chula.ac.th/index.php/water/water-recycling-project/ ]
2. สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU)
มีการดำเนินการนำน้ำทิ้งหรือน้ำเสียจากการอุปโภคบริโภค มาบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายในบริเวณพื้นที่สวนหลวง-สามย่าน โดยเฉพาะในส่วนที่ไม่ได้มีความต้องการน้ำที่มีคุณภาพระดับน้ำบริโภค แทนการใช้น้ำประปาทั้งหมดในการเติมน้ำเพื่อรักษาระดับน้ำในสระและรดน้ำต้นไม้สำหรับอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ อย่างที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินการนำน้ำเสียจากการใช้น้ำของผู้ที่อาศัยภายในอาคาร CU TERRACE และ CU i HOUSE กลับมาผ่านกระบวนการบำบัดน้ำเสีย และนำมาใช้ประโยชน์ในการรดน้ำต้นไม้ภายในสวนอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ช่วยประหยัดการใช้น้ำใหม่ได้ถึงปีละ 55 ล้านลิตร และสามารถประหยัดค่าน้ำได้ปีละประมาณ 150,000 บาท อีกทั้งยังช่วยให้ต้นไม้และพืชพรรณนานาชนิดได้เติบโตเป็นปอดของชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป [ https://pmcu.co.th/samyan-smart-city/ ]

3. สำนักงานหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คณะกรรมการนิสิตหอพักจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ร่วมกันจัดทำและเผยแพร่สื่อในสื่อสังคมออนไลน์ ขอความร่วมมือนิสิตในพักอาศัยในหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยกันปิดน้ำประหยัดไฟในพื้นที่ส่วนกลางและห้องน้ำรวม รวมถึงห้องส่วนตัวเมื่อไม่ใช้งาน เพื่อลดการปล่อยมลพิษ ลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และค่าน้ำค่าไฟลดลง เพื่อเป็นการช่วยสร้างความตระหนักและจิตสำนึกให้แก่นิสิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [ https://www.facebook.com/share/1873kvJvUE/ ]
ที่มา:
- สำนักบริหารระบบกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สำนักงานหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
BLOCK 28 : Start-up District โครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่สวนหลวง-สามย่าน
“CREATIVE & STARTUP VILLAGE” ย่านสตาร์ทอัพแห่งใหม่ใจกลางเมือง ชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ของคนสร้างสรรค์และเป็น community ที่ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมและการเชื่อมโยงทางธุรกิจเกิดเป็น Eco-System ของธุรกิจสตาร์ทอัพ
การส่งเสริมการทำงานทางไกลให้กับบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยส่งเสริมรูปแบบการทำงานทางไกลหรือการปฏิบัติงานจากระยะไกล เป็นตัวเลือกสำหรับบุคลากร ซึ่งเป็นแนวทางในการทำงานจากสถานที่ใดก็ได้ที่อยู่นอกสำนักงาน การทำงานทางไกลเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันให้กับบุคลากร และช่วยในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ เนื่องจากบุคลากรไม่จำเป็นต้องเดินทางออกไปทำงานเนื่องจากเปลี่ยนมาใช้การประชุมผ่านการประชุมทางวิดีโอ
รายงานสถิติจำนวนนิสิตที่เข้าศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีการศึกษา 2567
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมความเท่าเทียมและการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึงสำหรับทุกกลุ่มประชากร จึงได้ดำเนินการจัดเก็บและติดตามข้อมูลนิสิตในกลุ่มต่าง ๆ ที่เริ่มเข้าศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในแต่ละปีการศึกษา เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการวิเคราะห์แนวโน้ม การวางแผนนโยบาย และการดำเนินมาตรการสนับสนุนกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
จุฬาฯ ผลักดัน Future Literacy
Future literacy เป็นสาขาสหวิทยาการที่รวมแนวคิดจากอนาคต การมองการณ์ไกล การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การวางแผนสถานการณ์ และการคิดเชิงออกแบบ องค์กรต้องมีผู้ความสามารถนี้เพื่อคาดการณ์และเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง และสร้างอนาคตในลักษณะเชิงรุก Future literacy เป็นทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21











