กรณีศึกษา

การจัดภูมิทัศน์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยพันธุ์ไม้พื้นเมืองท้องถิ่น ทนแล้ง แข็งแรง และช่วยประหยัดน้ำ

ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ และการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างเสริมความยั่งยืนในเรื่องของการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยจึงตระหนักถึงความเหมาะสมในการเลือกพันธุ์ไม้พื้นเมืองท้องถิ่นที่จะนำมาปลูกเพิ่มเติมจากต้นไม้ที่มีอยู่แล้วดั้งเดิมภายในพื้นที่หรือในการปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ โดยเลือกปลูกพันธุ์ไม้พื้นเมืองท้องถิ่น สลับกับพันธุ์ไม้อื่น ๆ ที่ปลูกอยู่ด้วย เนื่องจากพันธุ์ไม้พื้นเมืองท้องถิ่นจะทนทานต่อสภาพภูมิอากาศของประเทศที่ค่อนข้างแล้ง ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เนื่องจากพันธุ์ไม้เหล่านี้ทนแล้งได้ค่อนข้างดี ต้องการน้ำชลประทานที่น้อย จึงเป็นการช่วยลดและประหยัดการใช้น้ำประปาของมหาวิทยาลัยที่ต้องนำไปรดน้ำต้นไม้ได้ อีกทั้งพันธุ์ไม้พื้นเมืองท้องถิ่นยังง่ายต่อการดูแลรักษาและช่วยรักษาระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม เช่น

การจัดภูมิทัศน์บริเวณอาคารธรรมสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ในบริเวณด้านหน้าอาคารปลูกต้นมะขาม และต้นประดู่ ส่วนบริเวณด้านหลังปลูกเป็นต้นไทร

[ https://www.cuartculture.chula.ac.th/about/departments/chula-dharma-center/ ]

การจัดภูมิทัศน์บริเวณอาคารเรือนไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในบริเวณด้านข้างและด้านหลังมีการปลูกต้นหมากสลับกับต้นไม้ชนิดอื่น ๆ ด้วย

[ https://www.cuartculture.chula.ac.th/services/reun-thai/ ]

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังกำหนดให้ฝ่ายงานที่รับผิดชอบงานด้านภูมิทัศน์ดำเนินการนำน้ำทิ้งหรือน้ำเสียจากการอุปโภคบริโภคที่ผ่านการบำบัดเรียบร้อยแล้ว นำมาใช้ประโยชน์ในการรดน้ำต้นไม้ภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นการช่วยประหยัดน้ำ [ http://www.green.chula.ac.th/index.php/water/water-recycling-project/ ] เช่น สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ดำเนินการนำน้ำเสียจากการใช้น้ำของผู้ที่อาศัยภายในอาคาร CU TERRACE และ CU i HOUSE กลับมาผ่านกระบวนการบำบัดน้ำเสีย และนำมาใช้ประโยชน์ในการรดน้ำต้นไม้ภายในสวนอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ซึ่งช่วยประหยัดการใช้น้ำใหม่ได้ถึงปีละ 55 ล้านลิตร [ https://pmcu.co.th/samyan-smart-city/ ]

ปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ได้ดำเนินการจัดนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์พืชมีชีวิต หรือ Living Plant Museum ซึ่งเป็นนิทรรศการถาวรในอาคารเรือนกระจก (Glass house) นอกจากจะเป็นสถานที่รวบรวมพรรณไม้สำคัญทางด้านพฤกษศาสตร์แล้ว ยังเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างคณาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพืชสาขาต่าง ๆ กับประชาชนที่มีประสบการณ์และใกล้ชิดธรรมชาติในแต่ละท้องที่ มีการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายและส่งต่อองค์ความรู้ และความเข้าใจไปยังคนรุ่นใหม่หัวใจรักษ์โลก เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

พิพิธภัณฑ์พืชมีชีวิตแห่งนี้ ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตที่เราใช้จัดการเรียนการสอนให้กับนิสิตจุฬาฯ การวิจัยพืชในระบบควบคุมอุณหภูมิ (evaporative cooling system) และจัดแสดงนิทรรศการถาวรนําเสนอข้อมูลความหลากหลายและวิวัฒนาการของพืชในรูปแบบที่พืชยังมีชีวิต มีพรรณไม้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ตํ่ากว่า 200 ชนิด ภายในอาคารเรือนกระจก พื้นที่ 464 ตารางเมตร จัดแสดง 6 รูปแบบ ประกอบด้วย นิทรรศการความหลากหลายของพืชในป่าดิบชื้นหรือป่าฝนเขตร้อน นิทรรศการพืชทนแล้ง นิทรรศการพืชน้ำ นิทรรศการพืชกลุ่มเทอริโดไฟต์ นิทรรศการกลุ่มพืชเมล็ดเปลือย และนิทรรศการวิวัฒนาการของพืชดอก โดยเรามุ่งหวังตั้งใจให้ องค์ความรู้ใหม่และนวัตกรรมเกิดขึ้นที่นี่เพื่อตอบโจทย์ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม [ https://www.chula.ac.th/en/news/144729/ ]

ที่มา:

  • สำนักงานจัดการทรัพย์สิน  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • สำนักบริหารระบบกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อื่นๆ

นโยบายและการดำเนินการส่งเสริมพื้นที่เพื่อการเดินเท้าภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จุฬาฯ เป็นสถานศึกษาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ จึงทำให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นจุดเชื่อมต่อและผ่านทางไปยังจุดอื่น ๆ ได้ง่าย เพราะฉะนั้นจึงทำให้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยไม่ได้มีเพียงนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังมีผู้คนทั่วไปจำนวนมากที่เดินทางสัญจรไปมาผ่านพื้นที่ของมหาวิทยาลัย ทั้งด้วยยานพาหนะ และการเดินเท้า อีกด้วย

หอพักบุคลากร สวัสดิการที่เอื้อต่อการพัฒนางานของคนจุฬาฯ

ในปี พ.ศ. 2563 จุฬาฯ มีบุคลากรทั้งสิ้น 8,178 คน นโยบายการจัดสวัสดิการและบุคลากรสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่จุฬาฯ ใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการจัดหาที่พักอาศัยภายในหรือบริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยในรูปแบบหอพัก เพื่อให้บุคลากรผูกพันและมีความสุขในการทำงาน เอื้อให้สามารถพัฒนางานอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มที่

Center of SHE คุมเข้มความปลอดภัยแล็บจุฬาฯ นับพันด้วย “ChemTrack & WasteTrack 2016

ความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการมีความสำคัญอย่างมากในมหาวิทยาลัย ไม่มีใครอยากประสบอุบัติเหตุ ได้รับอันตรายจากสารเคมีที่สะสมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว การปลูกฝังให้นิสิตผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการในมหาวิทยาลัยมีจิตสำนึกในเรื่องความปลอดภัยในการทำงานก่อนจะจบออกไปประกอบวิชาชีพในการทำงานในหน่วยงานต่างๆ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีห้องปฏิบัติการหรือห้อง Lab มากกว่า 1,000 ห้อง จึงดำเนินการด้านระบบความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการและการกำจัดสารเคมี ของเสียอันตรายอย่างถูกวิธีมากว่า 20 ปี

CU-DSR เรียนรู้ผ่านการทำกิจกรรมเพื่อสังคม

การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ในในทุกๆ ที่ไม่จำเป็นที่ต้องเกิดขึ้นภายในสถานศึกษาเท่านั้น สามารถเกิดขึ้นผ่านกระบวนการต่างๆ รวมถึงการเรียนรู้ผ่านการประสบการณ์การปฏิบัติ การฝึกงาน และการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ได้