โครงการพัฒนาความมั่นคงในการจัดการสิ่งแวดล้อมของจังหวัดฉะเชิงเทราด้วยระบบบริหารข้อมูลอัจฉริยะการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม
“จังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกำลังมุ่งสู่การพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะ และเป็นพื้นที่มีความพิเศษที่พึ่งพาฐานของความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการเกษตรอันเป็นเศรษฐกิจฐานรากโครงการนี้ได้สร้างระบบบริหารข้อมูลอัจฉริยะในการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยบูรณการข้อมูลทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการจัดการคุณภาพน้ำด้วยการบริหารวัฏจักรน้ำ การจัดการคุณภาพอากาศด้วยโมเดลคาดการณ์ทางคณิตศาสตร์ และการจัดการขยะชุมชนและขยะอุตสาหกรรมด้วยแนวทาง Circular Economy การแสดงผลที่รวดเร็วและแม่นยำเพื่อเป็นฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถืออ้างอิงได้ของจังหวัดจะส่งผลต่อการพัฒนาความมั่นคงทางด้านน้ำและอาหารของจังหวัดและประเทศ และช่วยให้การตัดสินใจพัฒนาพื้นที่เกิดขึ้นบนฐานของข้อมูลและหลักวิชาการยิ่งขึ้น”

โครงการนี้มีเป้าหมายในการสร้างระบบบริหารข้อมูลอัจฉริยะการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบของ Platform บริหารจัดการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดที่พร้อมรองรับการขยายผลการใช้งานไปยังจังหวัดอื่นได้ในอนาคต โดยพิจารณาเริ่มต้นโครงการในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังมุ่งสู่การพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart city) และเป็นพื้นที่มีความพิเศษที่พึ่งพาฐานของความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร จำเป็นต้องมีการวางโครงสร้างพื้นที่ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองจากอุตสาหกรรมในยุคอุตสาหกรรม 3.0 ไปเป็นอุตสาหกรรมสมัยใหม่หรือ 4.0

โดยการดำเนินงานของโครงการได้มุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเชิงบูรณการใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการจัดการคุณภาพน้ำด้วยการบริหารวัฏจักรน้ำ การจัดการคุณภาพอากาศด้วยโมเดลคาดการณ์ทางคณิตศาสตร์ และการจัดการขยะชุมชนและขยะอุตสาหกรรมด้วยแนวทาง Circular Economy
โครงการนี้ได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานสำหรับการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติเสื่อมโทรมให้กับชุมชนและเกษตรกร การติดตามเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำที่ใช้เป็นน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในแม่น้ำบางปะกง และการใช้หลักการวัฏจักรน้ำคุณค่าเพื่อนำน้ำทิ้งกลับมาใช้ใหม่ให้ตรงตามคุณภาพน้ำของกิจกรรมภาคชุมชนและการเกษตร จะช่วยบรรเทาการขาดแคลนน้ำและเป็นการพัฒนาความมั่นคงทางด้านน้ำและอาหารของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
ระบบบริหารข้อมูลอัจฉริยะฯ ด้านการจัดการคุณภาพอากาศ สภาวการณ์มลพิษอากาศ ได้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแหล่งที่มาและความเป็นไปของมลพิษอากาศ โดยระบบบริหารข้อมูลอัจฉริยะในการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดจะช่วยให้เกิดความตระหนักและตื่นรู้เกี่ยวกับความสามารถในการรองรับ (carrying capacity) ของบรรยากาศของพื้นที่ฉะเชิงเทราทั้งในด้านของประชาชน ภาครัฐ และผู้ประกอบกิจการพลังงาน และช่วยสนับสนุนภาครัฐในการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ ให้การตัดสินใจพัฒนาพื้นที่เกิดบนฐานของข้อมูลและหลักวิชาการยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ โครงการฯได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการขยะของอำเภอบางปะกงในเชิงบูรณาการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการปรับรูปแบบการบริหารจัดการขยะแบบเดิมไปสู่การจัดการขยะชุมชนและขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Circular Economy ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น ระบบตรวจนับขยะในลำน้ำ ระบบถังขยะอัจฉริยะ เพื่อให้เกิดการติดตามการจัดการขยะชุมชนและขยะอุตสาหกรรมได้ และสามารถนำข้อมูลที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกเทคโนโลยีและเทคนิคทางสังคมในการเข้าไปจัดการกับขยะในแต่ละประเภทได้อย่างเหมาะสม โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเมืองฉะเชิงเทราให้เป็นต้นแบบของเมืองอัจฉริยะด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคต


ที่มา
คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:
SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
การดำเนิการตามแนวพระราชดำริ: ส่งต่อความหลากหลายทางระบบนิเวศสู่คนรุ่นหลัง
“การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไม่ได้หมายถึงการเก็บเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าถึง แต่หมายถึงการรักษาไว้อย่างยั่งยืนเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม”
จุฬาฯ กับบทบาทการเป็นแหล่งข้อมูลสนับสนุนการพัฒนานโยบายเกี่ยวกับพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีด้านการส่งเสริมประสิทธิภาพทางพลังงาน
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญสภาวะวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การผลักดันให้เกิดนโยบายพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน กลายเป็นภารกิจสำคัญของรัฐและสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีหน่วยงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในศาสตร์นี้ จึงได้เข้ามีส่วนร่วมในการแสดงบทบาทและให้ความร่วมมือในฐานะแหล่งข้อมูลสนับสนุนการพัฒนานโยบายเกี่ยวกับพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีด้านการส่งเสริมประสิทธิภาพทางพลังงานให้กับทั้งหน่วยงานของภาครัฐ รวมไปถึงหน่วยงานภาคเอกชนด้วย
เปิดภารกิจฟื้นฟูชายฝั่งมาบตาพุด แนวทางสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
นิคมอุตสาหกรรมและท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง บนเนื้อที่ทั้งหมด 12,568 ไร่ ปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้เป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศ และเป็นพื้นที่การลงทุนของอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังอุตสาหกรรมการผลิตมากมาย อาทิ อุปกรณ์เครื่องใช้ บรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงยังช่วยส่งเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
บางโพลีฟวิ่งแล็บ: โครงการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน ผ่านการวางแผนการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนถนนสายไม้บางโพ
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินโครงการวิจัย Bang Pho Living Lab ได้รับทุนสนับสนุนจาก ศูนย์กลางนวัตกรรมทางสังคมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม้ของชุมชนถนนสายไม้ ย่านบางโพให้กลับมาเป็นที่รู้จักและส่งเสริมการสืบทอดภูมิปัญญาของชุมชน ผ่านการสร้างพื้นที่ร่วมทดลองปฏิบัติการจริง โดยนิสิต 266 คน




