กรณีศึกษา

จุฬาฯ ปลุกท่องเที่ยวน่านโตสมดุลและยั่งยืน ชู “เที่ยวกรีน กินคลีน เสพศิลป์เมืองน่าน”

“น่าน” มีวิสัยทัศน์ประจำจังหวัด คือ “เมืองแห่งความสุข เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ธรรมชาติสมบูรณ์ การเกษตรมั่งคั่ง ชุมชนเข้มแข็ง ท่องเที่ยวยั่งยืน” จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนเพื่อให้เป็นเมืองที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน โดยใช้ 5 กลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมาย ได้แก่  1) ค้นหาพัฒนาและฟื้นฟูทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน 2) บริหารจัดการภาครัฐและท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 3) พัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ด้านการท่องเที่ยว 4) บริหารจัดการเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวที่หนาแน่น 5) ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวให้มีความเป็นสากลและยั่งยืน

ผลจากการดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวจังหวัดน่าน โดยใช้ศิลปวัฒนธรรม ธรรมชาติ และการแสดงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพื้นเมืองเป็นฐานนั้นส่งผลให้การท่องเที่ยวจังหวัดน่านเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสร้างรายได้ให้อุตสาหรรมการท่องเที่ยวจังหวัดน่าน คิดเป็นมูลค่าราว 3,000 ล้านบาทต่อปี โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (Center of Tourism Research and Development) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังได้เปิดเผยสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดน่านสูงสุดอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 มีปริมาณมากกว่า 1 แสนราย ซึ่งเป็นสถิติที่สูงมากเป็นประวัติการณ์

แต่ในมิติด้านการสร้างความสมดุลและยั่งยืนให้เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดน่านยังพบปัญหาและผลกระทบที่ตามมาทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม กล่าวคือ

1) ชุมชนเมือง พบขยะในหลุมฝังกลบของเทศบาลเมืองน่านมีปริมาณมาก ขาดการลดปริมาณขยะจากต้นทาง โดยเฉพาะการขยายตัวจากภาคการท่องเที่ยวส่งผลต่อการจัดการขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง รวมถึงขยะจากภาคการท่องเที่ยวครัวเรือน

2) ชุมชนเกษตร พบการใช้สารเคมีทางการเกษตรปริมาณมากเพื่อผลิตและส่งออกให้ตอบสนองภาคอุตสาหกรรม แต่ยังไม่สามารถผลิตเพื่อการบริโภคภายในจังหวัดได้เพียงพอและปลอดภัย

3) ขาดการใช้ทรัพยากรและกระบวนการผลิตสินค้าในท้องถิ่นแบบหมุนเวียน เน้นการนำเข้าจากภายนอกจังหวัดเป็นหลัก

4) ขาดความเชื่อมโยงระหว่างตลาดการท่องเที่ยวสีเขียวกับอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของจังหวัด

ด้วยเหตุนี้ ภารกิจการสร้างความสมดุลและความยั่งยืนให้กับจังหวัดน่านของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จึงเกิดขึ้นและยังได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ริเริ่มโครงการ “เที่ยวกรีน กินคลีน เสพศิลป์เมืองน่าน” เพื่อมุ่งยกระดับการสร้างศักยภาพจังหวัดน่านให้สามารถบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Economy) ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) โดยบูรณาการองค์ความรู้ทั้งวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สังคมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมโดยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในโครงการการวิจัยนี้ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นภายใต้องค์ประกอบการท่องเที่ยวสีเขียวใน 3 มิติ ได้แก่

1.เที่ยวกรีน คือ การท่องเที่ยวไร้ขยะ (Zero Waste Tourism) นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากวัสดุหมุนเวียนหรือใช้ซ้ำในท้องถิ่น และขยะที่เกิดจากกิจกรรมการท่องเที่ยวสามารถนำมาบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์เกิดมูลค่า

2.กินคลีน คือการบริโภคอาหาร จากแหล่งผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ด้วยระบบการรับรองมาตรฐานแบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee System: PGS) โดยแปลงแหล่งผลิตสินค้าอินทรีย์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสีเขียวที่เชื่อมโยงทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคเข้าด้วยกันผ่านเส้นทางการท่องเที่ยว

3.เสพศิลป์ คือ การเสพอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของเมืองน่าน สร้างมูลค่าให้สามารถสัมผัสเข้าถึงได้ นำมาสู่การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นและวัสดุหมุนเวียนมาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์ได้ในหลายทาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบ “วิถีชีวิตคนเมืองน่าน”

สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จัดทำโครงการวิจัยขึ้น 5 โครงการ ได้แก่ 1) ไม้ไผ่รักษ์โลก: วัสดุท้องถิ่นทดแทนพลาสติก 2)ขยะไม่แขยง-แปลงร่างได้ บริหารจัดการขยะในเขตเทศบาลเมืองน่านอย่างยั่งยืน 3)นวัตกรรมการแปรรูปขยะอินทรีย์ จากกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อใช้ในชุมชน 4)พัฒนาต้นแบบธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม 5) แปลงทุนวัฒนธรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์สู่การแปรรูปผลิตภัณฑ์แฟชั่นไลฟ์สไตล์จากนวัตกรรมใยไผ่อย่างยั่งยืน นำมาสอดประสานพัฒนาขึ้นเป็นแผนที่เส้นทางการท่องเที่ยวสีเขียว (Green Tourism Route  Map) เพื่อสื่อสารรูปแบบการท่องเที่ยวสีเขียวในพื้นที่การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันให้เกิด “อุปสงค์รักษ์โลกและอุปทานสีเขียว” (Eco Demand and Green Supply) เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดน่านต่อไป

ที่มา:

สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:

https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG201016163050624

อื่นๆ

จุฬาฯ กับภารกิจส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนให้กับชุมชน ปี 2567-2568

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนแก่ชุมชนท้องถิ่น โดยมหาวิทยาลัยได้จัดให้มีโครงการและกิจกรรมบริการวิชาการเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัดหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการ การบรรยายให้ความรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ที่เน้นการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในชุมชนอย่างยั่งยืน

จุฬาฯ สร้างระบบส่งเสริมสุขภาพช่องปากให้กลุ่มเปราะบางชายขอบด้วยระบบ Digital Health Platform

องค์การสหประชาชาติประกาศให้โรคทางช่องปากเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประชากรโลก สถานการณ์โรคฟันผุที่ยังไม่ได้รักษา ในชุดฟันแท้เป็นโรคที่มีพบมากที่สุดในโลก ร้อยละ 35 ของประชากรโลก ในขณะที่โรคปริทันต์อักเสบระดับรุนแรงที่จะนำไปสู่การสูญเสียฟันนั้นยังมีอีกร้อยละ 11 ของประชากรโลก และอัตราการเกิดมะเร็งช่องปากยังเพิ่มขึ้นอย่างคงที่

ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ (EID): ภารกิจวิจัย วินิจฉัย ป้องกัน รักษา และควบคุมโรคอุบัติใหม่เพื่อมวลมนุษยชาติ

ช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาโลกเผชิญหน้ากับการระบาดของโรคอุบัติใหม่ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทั้งไวรัสซิกา ไวรัสอีโบลา ไวรัสเมอร์ส และล่าสุดที่มวลมนุษยชาติกำลัง ประสบอยู่นั้นคือโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ระบาดใหญ่จนมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 219 ล้านคน และคร่าชีวิตคนหลากชาติพันธุ์ไปแล้วกว่า 4.55 ล้านคน

โครงการออกกำลังกายอย่างปลอดภัยด้วยเทรนเนอร์ส่วนบุคคลและวิทยาศาสตร์การกีฬา อาสาปันสุข (สุขภาพกาย และสุขภาพใจ)

คนไทยมีพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อและการบาดเจ็บเพิ่มสูงขึ้น โดยสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้สำรวจและเล็งเห็นแนวโน้มมาตั้งแต่ปี 2558 พบความชุกของคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน ถึงร้อยละ 30.5 ภาวะอ้วน ร้อยละ 7.5 ภาวะการสูบบุหรี่ ร้อยละ 21.3 และการดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 36.2 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงานและกลุ่มผู้สูงอายุที่ขาดการออกกำลังกายและการบริโภคอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save