กรณีศึกษา

โครงการวิศวกรรมอาสาพัฒนาชนบท (ค่ายวิศวพัฒน์)

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย 12 ภาควิชา รวมถึง ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสำรวจ และวิศวกรรมแหล่งน้ำ พร้อมด้วยคณาจารย์ผู้ทรงความรู้ ถือเป็นแหล่งบ่มเพาะองค์ความรู้ที่สำคัญทางการชลประทานที่พร้อมถ่ายทอดสู่นิสิตนำไปสู่การฝึกปฏิบัติจริงในการแก้ปัญหาด้านการจัดการน้ำให้กับชุมชนห่างไกล

ผ่านค่ายวิศวพัฒน์ ซึ่งเป็นโครงการค่ายวิศวกรรมอาสาพัฒนาชนบทที่พร้อมปลูกฝังความเป็นผู้นำทั้งในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมให้แก่นิสิตจิตอาสาที่เข้าร่วมค่าย ด้วยปัญหาความแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ของบ้านเชตวัน ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน

https://www.youtube.com/watch?v=0A7ykIFnHtk&t=51s

ซึ่งที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน 264 ครัวเรือน มีจำนวนประชากรรวม 1,067 คน ประกอบอาชีพเกษตรกรรมบนเขาสูงเป็นหลัก ชาวบ้านเพาะปลูกได้เพียงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีราคาต่ำ รายได้น้อย ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของสมาชิกในชุมชน พื้นที่บ้านเชตวันแห่งนี้จึงต้องการองค์ความรู้ด้านชลประทานและการจัดการระบบน้ำอย่างยิ่งยวด และได้กลายเป็นสนามฝึกภาคปฏิบัติ living lab ของนิสิตค่ายวิศวพัฒน์อย่างต่อเนื่องถึง 7 รุ่น และมีนิสิตจิตอาสาผ่านโครงการนี้มาแล้วถึง 1,000 คน เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันระหว่างชุมชนกับนิสิต

ค่ายอาสานี้เริ่มต้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2561 ค่ายวิศวพัฒน์เข้าสำรวจพื้นที่ในการจัดทำฝายเพื่อสร้างเป็น แหล่งน้ำร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและองค์การบริหารส่วนตำบล เกิดเป็นประชาคมร่วมกันพัฒนาแหล่งน้ำ โดยในปี 2562 เกิดฝายห้วยน้ำเพี้ย และระบบกระจายน้ำครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์ประมาณ 200 ไร่  ในปี พ.ศ.2564 เกิดฝายตาน้ำและระบบกระจายน้ำเพื่อบริโภค ในปี พ.ศ.2565 เกิดฝายห้วยต่างฮ้อและระบบกระจายน้ำครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์อีก 200 ไร่ ส่งผลให้ชุมชน 43 ครัวเรือนมีน้ำใช้เพื่ออุปโภคและบริโภคได้ตลอดทั้งปี

เกษตรกรสามารถปลูกไม้ผลอื่น ๆ ที่ขายได้ราคาดี เช่น ทุเรียน โกโก้ อินทผาลัม เป็นต้น และผักสวนครัวเพื่อบริโภค สามารถลดรายจ่ายได้ครัวเรือนละ 35,813 บาทต่อไร่ต่อปี ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและเชื่อใจของชุมชนบ้านเชตวันต่อค่ายวิศวพัฒน์

ในปี 2566 นอกจากการสร้างระบบผันน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และฝายชะลอน้ำขนาดเล็กแล้ว ทางชุมชนได้มอบพื้นที่ให้แก่ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อจัดสร้าง “บ้านดินทาเนีย ประชารวมใจ” ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ เพื่อเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ให้กับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่และคณะดูงานจากภายนอก พร้อมส่งต่อแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่สูงที่แห้งแล้งไปสู่ชุมชนอื่น

จนมูลนิธิรากแก้วซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีภารกิจมุ่งส่งเสริม สนับสนุน สร้างกระบวนการ เตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยให้เป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่เข้าใจปัญหาสังคม และมีจิตสำนึกช่วยเหลือสังคม ได้มอบรางวัลชนะเลิศ “2023 Rakkaew Foundation National Exposition : University Sustainability Showcase” พร้อมเงินสนับสนุน จำนวน 100,000 บาท ให้กับโครงการนี้ เพื่อนำไปขยายผลต่อยอดและการันตีความสำเร็จของนิสิตที่ได้รวมกลุ่มกันคิดและลงมือทำโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการจริงของชุมชน จากการนำความรู้จากห้องเรียน ความคิดสร้างสรรค์ และศักยภาพมาพัฒนาเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาและสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ที่มา

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อื่นๆ

หลักสูตรความรู้และการจัดกิจกรรมรณรงค์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในเรื่องของผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน ทั้งในแง่ของการเกิดพิบัติภัยจากสภาพอากาศที่รุนแรงโดยตรง และภัยพิบัติอื่น ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ประชาคมโลกได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการแก้ไข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้

จุฬาฯ ชู “แสมสารโมเดล” แก้ขยะล้นทะเลไทย

จุฬาฯ โดย “ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์” และ“สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ” เผยผลสำเร็จ “แสมสารโมเดล” นำร่องแก้ปัญหาขยะบนบกไหลลงทะเลชลบุรี ด้วยหลัก 3Rs ลดขยะพื้นที่แสมสารได้จริงกว่าร้อยละ 30 พร้อมขยายผลความสำเร็จจากชุมชนสู่ระดับชาติ

ธนาคารปูม้า เกาะสีชัง ต้นแบบศูนย์เรียนรู้เพิ่มทางรอดปูม้าไทยคืนสู่ท้องทะเลได้ถึงร้อยละ 60

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (2563) มีชาวประมงที่จับปูม้าที่ท้องนอกกระดองมาให้ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบก อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เป็นจำนวน 457 ตัว เพื่อเพาะเป็นลูกปูม้า ปรากฎว่าศูนย์สามารถดูแลปูไข่จนลูกปูม้าถึง 565,219,724 ตัว

จุฬาฯ กับภารกิจส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนให้กับชุมชน ปี 2567-2568

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนแก่ชุมชนท้องถิ่น โดยมหาวิทยาลัยได้จัดให้มีโครงการและกิจกรรมบริการวิชาการเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัดหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการ การบรรยายให้ความรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ที่เน้นการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในชุมชนอย่างยั่งยืน

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save