ความร่วมมือกับชุมชนเพื่อรักษาและเสริมสร้างระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์
Photo by Scotty Turner on Unsplash
เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติทั่วโลกกำลังตกอยู่ภายใต้อันตราย ความหลากหลายทางนิเวศวิทยาจึงเป็นเรื่องสำคัญในการเก็บรักษาไว้เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นหลัง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระบรมชนกนาถ และ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อตอบสนองพระราชดำริและพัฒนาความยั่งยืนของความหลากหลายทางระบบนิเวศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ของไทย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระบรมชนกนาถ ทรงชี้ให้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรพันธุกรรมพืชเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2503 และในปี พ.ศ. 2535 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงรับสนองพระราชประสงค์โดยทรงริเริ่มโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรพันธุกรรมพืช ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 โดยมีหน้าที่ศึกษาและขยายงานสู่สาธารณชน
โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมบุคลากรด้านการอนุรักษ์พันธุ์พืชและความหลากหลายทางระบบนิเวศ พร้อมสร้างงานวิจัยด้านการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประโยชน์ของประชาชน ภารกิจของจุฬาฯ มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ทรัพยากรธรรมชาติอยู่ภายใต้การคุกคามจากการเติบโตของจำนวนประชากร ซึ่งส่งผลให้มีการใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นทั้งในด้านอาหาร ที่อยู่อาศัย พลังงาน และยารักษาโรค ในขณะที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและอื่น ๆ ก็ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน
ภารกิจหลักของโครงการ คือ การศึกษาพันธุ์พืชและความหลากหลายทางพันธุกรรมในสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของประเทศไทย ตั้งแต่ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าเต็งรัง ป่าเต็งรัง ป่าดิบที่ราบต่ำ และป่าชายเลน จากการศึกษาพบว่ามีพันธุ์พืชที่พบเฉพาะในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 20,000 ชนิด ประกอบด้วยเห็ด 1,200 ชนิด ไลเคน 300 ชนิด เฟิร์น 633 ชนิด กล้วยไม้มากกว่า 1,000 ชนิด และพืชมีท่อลำเลียงกว่า 10,000 ชนิด และยังได้ขยายการศึกษาวิจัยไปสู่ความหลากหลายของสัตว์ที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยแตกต่างกันในแต่ละภูมิประเทศ เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นกและสัตว์เลื้อยคลาน ปลาและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น แมลงและหอย สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ โปรโตซัว และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในห้าศูนย์แม่ข่ายประสานงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ของประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยให้คำปรึกษา ประสานงาน ส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานร่วมสนองพระราชดำริตามภารกิจของหน่วยงาน อาทิเช่น สนับสนุนชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สนองพระราชดำริดำเนินงานฐานทรัพยากรท้องถิ่น และสนับสนุนโรงเรียน และสถาบันการศึกษาให้สนองพระราชดำริดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน) [ http://www.rspg.or.th/ ]
มหาวิทยาลัยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับชุมชนในพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และนครนายก เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่น คือ 1) ทรัพยากรกายภาพ, 2) ทรัพยากรชีวภาพ (พืช สัตว์ จุลินทรีย์ เห็ดรา) 3) ทรัพยากรวัฒนธรรมและภูมิปัญญา อย่างเป็นระบบ ครอบคลุม 6 งาน ได้แก่
- งานที่ 1 ปกปักทรัพยากรท้องถิ่น
- งานที่ 2 สำรวจเก็บรวบรวมทรัพยากรท้องถิ่น
- งานที่ 3 ปลูกรักษาทรัพยากรท้องถิ่น
- งานที่ 4 อนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรท้องถิ่น
- งานที่ 5 ศูนย์ข้อมูลและทรัพยากรท้องถิ่น
- งานที่ 6 สนับสนุนการอนุรักษ์และจัดทำฐานทรัพยากรท้องถิ่น
ผลงานที่สำคัญในปี พ.ศ.2566 คือ การร่วมกับโครงการ อพ.สธ. และ ภาคเอกชน จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับงานฐานทรัพยากรท้องถิ่นทั้ง 6 งาน ให้กับบุคลากรจากหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสถาบันการศึกษาจำนวน 2 ครั้ง ณ พื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดสระบุรี โดยมีผู้เข้าอบรม 96 คน จาก 54 หน่วยงาน
ศูนย์แม่ข่ายประสานงาน อพ.สธ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังได้ร่วมกับจังหวัดสระบุรีจัดกิจกรรม “สระบุรีสนองพระราชดำริเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่ออบรมให้ความรู้ในการขับเคลื่อนกิจกรรมงานฐานทรัพยากรท้องถิ่นทั้งในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ โดยจัดการอบรม 16 ครั้ง ให้กับผู้รับการอบรมมากกว่า 1,480 คน จาก 109 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ 13 อำเภอของจังหวัดสระบุรี โดยยังคงให้บริการให้คำปรึกษาแนะนำกับหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
กิจกรรมที่ ศูนย์แม่ข่ายประสานงาน อพ.สธ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดให้หน่วยงานและสถานศึกษาเหล่านี้ ได้ช่วยพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้กับท้องถิ่น เพื่อให้มหาวิทยาลัยได้ร่วมกับชุมชนช่วยกันรักษาและเพิ่มพูนระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์ โดยเฉพาะระบบนิเวศในภาวะเสี่ยงอันเนื่องมาจากการพัฒนาเมืองในเขตภาคกลางของประเทศไทย
สามารถดูรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่
- https://clnr.chula.ac.th/index.php/activities-2566/728-66025-s07
- https://clnr.chula.ac.th/index.php/activities-2566/745-saraburi-activity-014-2566
- https://clnr.chula.ac.th/index.php/activities-2566/780-66077-s21
- https://clnr.chula.ac.th/index.php/activities-2566/814-66111-s37
- http://www.saraburi.go.th/rspg/
- https://www.ratch.co.th/th/rspg
ที่มา :
- คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
นิสิตกับการบริหารงานของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับนิสิตในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักของมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นให้นิสิตมีบทบาทในการดูแลสิทธิและความเป็นอยู่ของตนเอง เพื่อให้เสียงของนิสิตได้รับการรับฟังและสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจึงเปิดโอกาสให้นิสิตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนิสิตโดยตรง
จุฬาฯ กับการพัฒนาที่ยั่งยืนครั้งใหญ่ ใน Chula Sustainability Fest 2022
ในปี 2022 ผลงานที่มีส่วนในการสร้างความยั่งยืนของจุฬาฯ จะไม่อยู่แค่ใน SDGs Report แต่ได้ออกมาสื่อสารในงาน Chula Sustainability Fest 2022 เมื่อวันที่ 2-4 กันยายน 2565 เพื่อสร้าง Commitment สื่อสารนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนของจุฬาฯ Connect เชื่อมโยงประชาคมจุฬาฯ และ Inspired สร้างแรงบันดาลใจให้ช่วยกันผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืน
งานบริการที่พักนิสิต อำนวยความสะดวกเพื่อการเรียนรู้ คู่การสร้างพลเมืองที่ดี
หนึ่งในงานบริการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้สร้างหอพักสำหรับนิสิต เพื่อเป็นที่พักอาศัยอำนวยความสะดวกสบายเพื่อไม่ต้องเดินทางไกลสำหรับนิสิตผู้ที่มีความจำเป็นเพื่อเป็นที่พักอาศัย ตามวิสัยทัศน์ “เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และผาสุก”
การดำเนินการนโยบายด้านความยั่งยืนกับ Outsource ของจุฬาฯ
จากการดำเนินงานตามนโยบายด้านการจัดการขยะและขยะอันตราย และ มาตรการลดขยะพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง มหาวิทยาลัยขยายการดำเนินการนโยบายด้านการบริหารจัดการขยะให้ครอบคลุมถึงร้านค้า ซึ่งเป็น Outsource ผู้ให้บริการอาหารโดยระบุในสัญญาร้านค้า ให้ปฏิบัติตามนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ด้านการจัดการขยะ โดยต้องให้ความร่วมมือกับโครงการ Chula Zero Waste ที่มีเป้าหมายในการลดการก่อขยะ ส่งเสริมการแยกขยะนำกลับไปใช้ประโยชน์ และการปลูกฝังจิตสำนึกส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืนภายในมหาวิทยาลัยให้แก่นิสิต คณาจารย์ บุคลากรจุฬาฯ