กรณีศึกษา

CU-DSR เรียนรู้ผ่านการทำกิจกรรมเพื่อสังคม

การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ในในทุกๆ ที่ ไม่จำเป็นที่ต้องเกิดขึ้นภายในสถานศึกษาเท่านั้น สามารถเกิดขึ้นผ่านกระบวนการต่างๆ รวมถึงการเรียนรู้ผ่านการประสบการณ์การปฏิบัติ การฝึกงาน และการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ได้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำโครงการ CU-Digital Social Responsibility (CU-DSR) มอบโอกาสการเรียนรู้แบบทางเลือกแก่นิสิตและเป็นการช่วยเหลือสังคมไปในเวลาเดียวกัน โครงการ CU-DSR ได้มอบแท็บเล็ตให้กับนิสิตเพื่อให้นิสิตสามารถใช้ในการร่วมกิจกรรม สร้างความสัมพันธ์กับพี่เก่าและผู้คนในสังคม ในปีนี้มีนิสิตเข้าร่วมโครงการ จำนวน 120 คน โครงการ CU-DSR เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ทำงานร่วมกับศิษย์เก่าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อช่วยเหลือสังคม และช่วยตอบสนองความต้องการการเรียนรู้ของนิสิตแต่ละคน ด้วยการมอบประสบการณ์ในการทำงานจริงร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ เปิดโอกาสให้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนิสิตด้วยกันเอง ศิษย์เก่าและประชาชนภายนอก โดยโครงการนี้สนับสนุนให้นิสิตมีความรับผิดชอบและช่วยเหลือสังคม ผ่านกิจกรรมต่างๆทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์

โครงการ CU-DSR มีกิจกรรมที่หลากหลายครอบคลุมทุกด้าน ประกอบด้วย 8 กลุ่มคือ Digital Health Care, E-Sport, Music Charity, CU Blood, Media Content, Chula the Master, Start-Up และ ICT Support ในแต่ละกลุ่มเหล่านี้มุ่งเน้นการทำกิจกรรมในรูปแบบที่แตกต่างกันไป  กลุ่ม Digital Health Care มีสร้างแพลทฟอร์มให้บริการด้านสุขภาพ กลุ่ม E-Sport มีจัดแข่งขันเกมออนไลน์ กลุ่ม Music Charity จัดคอนเสิร์ตการกุศล กลุ่ม Media Content สร้างสื่อให้ความรู้ กลุ่ม CU Blood จัดแคมเปญบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือสภากาชาดไทย กลุ่ม Chula the Master นำเสนอการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ แก่ประชาชน กลุ่ม Start-Up สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจใหม่ และกลุ่ม ICT Support ให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีแก่ผู้สูงอายุ

ตัวอย่างความสำเร็จของกิจกรรมที่โครงการ CU-DSR ได้ทำเพื่อสังคม เช่น กลุ่ม Music Charity ได้ร่วมกับมูลนิธิเด็กโรคหัวใจแห่งประเทศไทย จัดคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อหาทุนช่วยเหลือเด็กโรคหัวใจที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ระดมทุนได้ประมาณ 3 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือเด็กผู้ป่วยโรคหัวใจได้ถึง 1,000 คน กลุ่ม CU Blood ร่วมมือกับสภากาชาดไทยสร้างแคมเปนและอำนวยความสะดวกในการบริจาคโลหิต ตัวอย่างเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าโครงการ CU-DSR มีศักยภาพในการสร้างประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้างและมอบโอกาสในการเรียนรู้ที่สำคัญแก่นิสิต

ที่มา:

  • สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์

รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:

อื่นๆ

การพัฒนาพื้นที่เพื่อเพิ่มประโยชน์: การปรับปรุงพื้นที่ Gewertz Square เพื่อก่อสร้างเป็น “ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเชิงบูรณาการด้าน Smart Living Solutions”

ตึกเกเวอร์ต (Gewertz) เป็นอาคารเก่าแก่ของภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาอย่างยาวนาน ด้วยระยะเวลาอันยาวนานของการใช้งาน อาคารทั้งสามหลังจึงมีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา รวมทั้งพื้นที่โดยรอบก็อาจมีการสะสมปนเปื้อนของสารเคมีและโลหะเสียจากการทดลองและฝึกปฏิบัติของนิสิตที่มีมาอย่างยาวนานด้วย

“MindSpace” แพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่แก้ปัญหาสุขภาพจิตนิสิต

ปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีนิสิตทุกระดับที่กำลังศึกษาอยู่ ราว 37,000 คน นิสิตจำเป็นต้องเรียนออนไลน์ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และได้รับผลกระทบในหลายมิติโดยเฉพาะด้านสภาพจิตใจ Chula Student Wellness Center จึงสำรวจภาวะสุขภาพจิตของนิสิตในปีการศึกษาล่าสุด พบว่า ร้อยละ 15 ของนิสิตทั้งหมดหรือประมาณ 5,550 คน ต้องการความช่วยเหลือจากนักจิตวิทยาและจิตแพทย์

การดำเนินการนโยบายด้านความยั่งยืนกับ Outsource ของจุฬาฯ

มหาวิทยาลัยขยายการดำเนินการนโยบายด้านการบริหารจัดการขยะให้ครอบคลุมถึงร้านค้า ซึ่งเป็น Outsource ผู้ให้บริการอาหาร (food service) ในโรงอาหารส่วนกลางของมหาวิทยาลัยด้วย โดยระบุในสัญญาร้านค้า ให้ปฏิบัติตามนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ด้านการจัดการขยะ โดยต้องให้ความร่วมมือกับโครงการ Chula Zero Waste ที่มีเป้าหมายในการลดการก่อขยะ ส่งเสริมการแยกขยะนำกลับไปใช้ประโยชน์ และการปลูกฝังจิตสำนึกส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืนภายในมหาวิทยาลัยให้แก่นิสิต คณาจารย์ บุคลากรจุฬาฯ

นโยบายและการดำเนินการส่งเสริมพื้นที่เพื่อการเดินเท้าภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จุฬาฯ เป็นสถานศึกษาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ จึงทำให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นจุดเชื่อมต่อและผ่านทางไปยังจุดอื่น ๆ ได้ง่าย เพราะฉะนั้นจึงทำให้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยไม่ได้มีเพียงนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังมีผู้คนทั่วไปจำนวนมากที่เดินทางสัญจรไปมาผ่านพื้นที่ของมหาวิทยาลัย ทั้งด้วยยานพาหนะ และการเดินเท้า อีกด้วย