กรณีศึกษา

การพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรด้วยระบบเกษตรแบบยั่งยืน

สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำโครงการ “การพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรด้วยระบบเกษตรแบบยั่งยืน” โครงการนี้ส่งเสริมการสร้างทักษะและความรู้ด้านระบบการผลิตและแนวทางการตลาดที่จะผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรด้วยเทคนิคและแนวทางการจัดการพื้นที่เกษตรในระบบเกษตรอินทรีย์เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาภาคการเกษตรเพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าเกษตรและความปลอดภัยของอาหาร อันจะส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางอาหารของประเทศ โดยใช้ จ.น่าน และ เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้นแบบ

การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ในระบบเกษตรอินทรีย์

โครงการพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรด้วยระบบเกษตรกรรมยั่งยืนได้ส่งเสริมความรู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PARTICIPANT GUARANTEE SYSTEMS: PGS) ซึ่งเหมาะกับเกษตรรายย่อย ตลอดจนการผลิตเกษตรอินทรีย์ การตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ผ่านการรับรองผ่านการฝึกอบรมและอบรมเชิงปฏิบัติการ

การพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรกลุ่มเกษตรอินทรีย์ พีจีเอส

ผลการดำเนินงานของกลุ่มเครือข่ายชุมชนเกษตรกลุ่มเกษตรอินทรีย์ พีจีเอส น่าน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจแก่ตลาดที่เข้ามารับซื้อผลผลิตของกลุ่ม ทำให้มีตลาดจำนวนมากเข้ามาติดต่อซื้อสินค้า กลุ่มเกษตรกรสามารถบริหารจัดการกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพและปรับตัวเข้ากับตลาดแต่ละแห่งได้เป็นอย่างดี สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตรจึงเกิดแนวคิดในการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมขึ้นขึ้นโดยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันระหว่างทีมที่ปรึกษา ทีมส่งเสริมและเกษตรกรสมาชิกกลุ่มเกษตรอินทรีย์ กลุ่มเกษตรอินทรีย์ พีจีเอส ภายใต้ชื่อ “CU PGS NAN SOCIAL ENTERPRISE”

การพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรกลุ่มเกษตรอินทรีย์ พีจีเอส เกาะพะงัน

โครงการพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรด้วยระบบเกษตรยั่งยืนได้มีส่วนสนับสนุนให้เกิดองค์ความรู้และความก้าวหน้าใน เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถานที่ทำเกษตรอินทรีย์ ในการผลิตผัก ผลไม้ ไข่อินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ชาใบเตย น้ำมันตะไคร้ และยากันยุง ซึ่งเป็นผลผลิตจากวัสดุในท้องถิ่น

เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ทําให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่บนเกาะพะงันมากขึ้น เกษตรกรจึงได้เปิดพื้นที่การเกษตรให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ โดยเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวและทํากิจกรรมร่วมกับเกษตรกรภายในทําให้เกษตรกรมีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้นถึง 54,000 บาทต่อเดือน

การพัฒนาเมนูอาหารสุขภาพคาร์บอนต่ำ

ผลการพัฒนารูปแบบธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมในพื้นที่จังหวัดน่าน ประจำปี 2561 ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวและทำกิจกรรมฟาร์มของเกษตรกรมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่มีคาร์บอนต่ำ โดยอาศัยกลไกการสร้างเมนูอาหารที่สอดคล้องกับฤดูกาลร่วมกับผู้ประกอบการกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบันโดยใช้กระบวนการแปรรูปน้อย (Low process) ทําให้ยังคงคุณค่าทางโภชนาการเอาไว้ ร่วมกับระบบเกษตรอินทรีย์ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม ทำให้สินค้ามีความปลอดภัย ไม่ใช้สารเคมีและไม่มีการเผาเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในพื้นที่

การจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม

ผลงานของกลุ่มเกษตรอินทรีย์ PGS น่าน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสมาชิกเกษตรกร จึงมีแนวคิดที่จะสานต่อและพัฒนาระบบการตลาดแบบสมาชิก “CU Community Support Agricultural; CU CSA” ที่เชื่อมโยงผู้ผลิตและผู้บริโภคผ่านผลิตภัณฑ์ “กล่องกินเปลี่ยนน่าน“ (EAT FOR NAN BOX) เพื่อส่งมอบอาหารที่ปลอดภัย มีคุณภาพ รู้แหล่งที่มาของผลผลิต ในราคาที่เป็นธรรมให้แก่ผู้บริโภค

การประเมินผลตอบแทนทางสังคม (SROI)

ผลการดําเนินโครงการการพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรด้วยระบบเกษตรยั่งยืน ในปี 2565สามารถสร้างผลตอบแทนทางสังคม (SROI) ให้กับพื้นที่จังหวัดน่านและเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ดังนี้ พื้นที่จังหวัดน่านใช้งบประมาณในการดําเนินโครงการจํานวน 301,500 บาท สร้างผลตอบแทนทางสังคม (SROI)ได้จํานวน 13,063,995 บาท หรือ 43.33บาทต่อการลงทุน 1 บาทพื้นที่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานีใช้งบประมาณในการดําเนินโครงการจํานวน 48,500 บาท สร้างผลตอบแทนทางสังคม (SROI) ได้จํานวน 2,331,395 บาทหรือ 48.07 บาทต่อการลงทุน 1 บาท

ที่มา:

สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อื่นๆ

โรงเรียนสาธิตการเลี้ยงสุกร

หากจะพยายามอธิบายความหมายของคำว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือคำว่าความมั่นคงทางอาหารให้กับชาวบ้านที่อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ก็อาจจะไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยว่ามีความสำคัญอย่างไร จนกระทั่งได้รับมอบลูกหมูให้หนึ่งคู่

กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสาธารณะตลอดปีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 2565-2566

ด้วยความมุ่งมั่นให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงกิจกรรมเหล่านี้ได้ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา ความทุพพลภาพ หรือเพศ  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการจัดโครงการและกิจกรรมสาธารณะด้านวิชาการ การถ่ายทอดความรู้ และการฝึกอบรมสายอาชีพสำหรับประชาชนอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี หลากหลายรูปแบบ ทั้ง onsite และ Online ให้กับทั้งนักศึกษา บุคลากร และบุคคลภายนอกทั่วไปที่สนใจเข้าร่วม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ธนาคารปูม้า เกาะสีชัง ต้นแบบศูนย์เรียนรู้เพิ่มทางรอดปูม้าไทยคืนสู่ท้องทะเล

เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2563 มีชาวประมงที่จับปูม้าที่ท้องนอกกระดองมาให้ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบก อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เป็นจำนวน 457 ตัว เพื่อเพาะเป็นลูกปูม้า ศูนย์สามารถดูแลปูไข่จนลูกปูม้าถึง 565,219,724 ตัว และแม้ลูกปูม้าจะมีเปอร์เซนต์รอดชีวิตที่ 40-60% ศูนย์ก็ยังสามารถเอาลูกปูม้าไปปล่อยในทะเลได้มากเกินกว่า

พื้นที่สีเขียวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พื้นที่เปิดเพื่อชุมชนและสังคมที่ทุกคนเข้าถึงได้

การจัดการพื้นที่ให้ร่มรื่นด้วยการปลูกต้นจามจุรีและต้นไม้ใหญ่ใน 14 สวน เป็นพื้นที่สีเขียวในรั้วมหาวิทยาลัยที่เปิดให้ชาวจุฬาฯ และประชาชนทั่วไปทุกเพศทุกวัย ได้เข้ามาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้พักผ่อนหย่อนใจคลายร้อน เพิ่มอากาศที่บริสุทธิ์ ลดมลพิษ ส่งเสริมสุขภาพ สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน