กรณีศึกษา

จุฬาฯ สร้างยุวมัคคุเทศก์ชาวมอแกน สร้างหลักสูตรต่อลมหายใจวิถีชาวเลอันดามัน

ชาวเล เป็น 1 ใน 56 กลุ่มชาติพันธุ์ของไทย ถือเป็นชาวน้ำที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในพื้นที่ 5 จังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ ระนอง กระบี่ พังงา ภูเก็ต สตูล มีวิถีพึ่งธรรมชาติ จับปลาทำประมงในท้องทะเลเพื่อยังชีพ เชี่ยวชาญการเดินเรือจากการดูทิศทางโดยอาศัยดวงดาวมานานนับร้อยปี ด้วยความแตกต่างด้านภาษา พีธีกรรม และลักษณะของเรือดั้งเดิมที่แต่ละกลุ่มชนเผ่าใช้ จึงมีการแบ่งชาวเลออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) มอแกน 2) มอแกลน 3) อูรักลาโว้ย

แม้ชาวเลจะเป็นกลุ่มชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ตามเกาะและชายฝั่งทะเลแถบอันดามันมายาวนานหลายร้อยปีแล้วก็ตาม แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักและยอมรับในวิถีชาติพันธุ์ของพวกเขา โดยเฉพาะในแง่การนำวัฒนธรรมมอแกนมาใช้บริหารจัดการทรัพยากรและระบบนิเวศชายฝั่งทะเลอันดามันให้เกิดความยั่งยืน ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมิอาจมองข้ามศักยภาพของชาวมอแกนที่อยู่คู่กับผืนน้ำอันดามันในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องทะเลและผืนป่าในแถบนี้ และยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนากระบวนการการมีส่วนร่วมโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ควบคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในท้องทะเลและหาดทราย ดังเช่นที่เป็นมา

ยิ่งเมื่อความเจริญของเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็วข้ามเข้ามายังสังคมชาวเลชนเผ่ามอแกนเหตุด้วยเพราะเทคโนโลยีและนวัตกรรมเจริญรุดหน้าอย่างก้าวกระโดดนั้น พบหลักฐานเชิงประจักษ์คือเด็กและเยาวชนชาวเลเปิดรับภาษาและวัฒนธรรมจากภายนอกอย่างรวดเร็วเช่นกันจนเกรงกันว่าอาจละทิ้งมรดกวัฒนธรรมซึ่งเป็นรากเหง้าทรงคุณค่าของบรรพบุรุษของตน ซึ่งหากยังไม่รีบแก้ไขอาจทำให้วิถีชาวเลสูญสิ้น ไร้ผู้สืบทอดภูมิปัญญาและจิตวิญญาณแห่งการพิทักษ์รักษาผืนป่าและท้องทะเลอันดามัน เลือนหายไปกับวัฒนธรรมคนเมืองที่หลากเข้ามากลืนกิน

ด้วยเหตุนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยหน่วยปฏิบัติการวิจัยชนพื้นเมืองและทางเลือกการพัฒนาและโครงการนำร่องอันดามัน สถาบันวิจัยสังคม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ผนึกกำลังกันในชุมชนเป็นภาคีเครือข่ายทำงานร่วมกันหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในท้องถิ่น กลุ่มผู้นำเครือข่ายชาวเล และอีกหลายกลุ่มในชุมชน เช่น กลุ่มศิลปวัฒนธรรม กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มอาชีพประมง ฯลฯ จึงได้เล็งเห็นความสำคัญและดำเนิน “โครงการส่งเสริมและฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล” ให้กับเด็กและเยาวชนมอแกนและมอแกลนในจังหวัดพังงาและภูเก็ตทั้งในชุมชนชาวเลและโรงเรียนที่มีเด็กชาวเลกำลังศึกษาอยู่ ผ่านกิจกรรมค่ายอบรมยุวมัคคุเทศก์ และการฝึกปฏิบัติจริง เพื่อใช้เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนชาวเลในชุมชนหันมาสนใจข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติโดยรอบชุมชนและเพื่อให้เห็นความสำคัญรวมถึงคุณค่าของวิถีชีวิตดั้งเดิมของตนที่อยู่กับท้องทะเลมาอย่างยั่งยืนนับร้อยปี

กิจกรรมค่ายอบรมยุวมัคคุเทศก์ที่จัดขึ้นในหลายชุมชนชาวเลมีรูปแบบคล้ายกัน แต่จะต่างกันที่ฐานการเรียนรู้และเนื้อหาที่เน้นความโดดเด่นของวิถีวัฒนธรรมเฉพาะพื้นที่ เฉพาะในปี พ.ศ. 2563 สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดค่ายที่หมู่เกาะสุรินทร์ให้กับเด็กและเยาวชน จำนวน 30 คน แบ่งฐานเรียนรู้ตามบริบทวัฒนธรรมของเกาะออกเป็น 3 ฐาน ได้แก่ 1) ฐานเรียนรู้เรื่อง “ก่าบาง” หรือเรือดั้งเดิมของชาวมอแกน 2) ฐานเรียนรู้ เรื่อง “แผนที่ภูมินามหมู่เกาะสุรินทร์” 3) ฐานเรียนรู้เรื่อง “เครื่องดนตรีและเพลงร้องภาษามอแกน” และยังมีการฝึกปฏิบัติจริงโดยให้ทดลองเล่าเรื่องราวในบ้านอีก 3 ฐาน ได้แก่ 1) ฐานศาลากระท่อมนิทรรศการมอแกน 2) ฐานเส้นทางศึกษาธรรมชาติ-วัฒนธรรม “ตะบิง ก่อตาน” หรือเส้นทางเลียบราวป่า 3) ฐานการเดินสำรวจหมู่บ้านมอแกน

ค่ายอบรมยุวมัคคุเทศก์และกิจกรรมต่าง ๆ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการให้กับชุมชนยังได้สร้างความตื่นตัวให้กับผู้คนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้อาวุโสชาวเลเห็นลูกหลานเข้ามาซักถามรายละเอียดเรื่องราวรากเหง้าของชนเผ่าในแง่มุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเรือ ชีวิตในเรือในอดีต การเดินทางไปตามเกาะต่าง ๆ เพื่ออยู่อาศัย และทำมาหากิน ก็เกิดความยินดีและภาคภูมิใจที่เด็กและเยาวชนหันมาให้ความสนใจกับวัฒนธรรมมอแกน รวมถึงมองเห็นทิศทางการกำหนดรูปแบบของการท่องเที่ยวที่ช่วยสื่อสารให้คนภายนอกชนเผ่าเข้าใจวิถีแห่งความยั่งยืนนี้ของชาวเลอันดามัน

หลักจากผ่านกิจกรรมค่ายแล้ว เด็กและเยาวชนจะได้รับโจทย์ให้ทำงานกลุ่ม ระดมความคิดเรื่องเนื้อหาและความรู้ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติจริง จากนั้นให้ออกมานำเสนอและแบ่งปัน “สิ่งที่ได้ค้นพบ” ร่วมกับเพื่อนกลุ่มอื่นบริเวณชายหาดหน้าหมู่บ้าน และยังมีการประเมินผลการอบรมยุวมัคคุเทศก์ เพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ หรือสิ่งที่อยากเรียนรู้ในกิจกรรมอบรมครั้งต่อไป รวมถึงการชวนคุยเกี่ยวกับกิจกรรมร่วมระหว่างเด็กและเยาวชนชาวเลในชุมชนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนมอแกน มอแกลน และอูรักลาโว้ย ซึ่งในอนาคตจะได้ประสานพลังให้เกิดเครือข่ายเด็กและเยาวชนอันดามันต่อไป

และที่มากไปกว่านั้น โครงการยังได้ถอดบทเรียนจากกิจกรรมค่ายมาจัดพิมพ์คู่มือนำเที่ยวชุมชนชาวเลบ้านแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่ จังหวัดภูเก็ต ใช้โซเชียลมีเดียเผยแพร่ความรู้และสื่อสารความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับทะเลอย่างยั่งยืน นอกจากนั้นยังมีการผลิตคลิปวิดีโอเผยแพร่ทาง YouTube ชื่อ Andaman Pilot Channel เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลในประเทศไทย มีคลิปวิดีโอจำนวน 65 ตอน โดยมีสถิติการเข้าชมรวมทั้งหมด 1,349 ครั้ง (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2563)

โครงการส่งเสริมการฟื้นฟูวิถีวัฒนธรรมชาวเล ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและภาคีเครือข่ายได้ดำเนินงานจัดกิจกรรมมาต่อเนื่องหลายปีนั้น พบว่านอกจากชุมชนชาวเลจะมีจุดแข็ง (Strengths) ในแง่ของวิถีวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่สามารถจะดึงขึ้นมาเป็น “เรื่องเล่า” ที่สำคัญแล้ว ยังมีโอกาส (Opportunities) ใหม่ ๆ อีกหลายประการ เช่น ในระดับชุมชน เยาวชนเริ่มมีความคุ้นเคยกับเครื่องมือ เช่น กล้องถ่ายรูปดิจิตอล และ Smart Phone หลายคนกล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้น และบางคนได้เรียนต่อด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยวและภาษาต่างประเทศ ส่วนในระดับประเทศ ยังเป็นตัวช่วยผลักดันให้หลายกระทรวงออกนโยบายที่เอื้อต่อท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำลังวางแผนออกกฎกระทรวงเพื่อให้บริษัททัวร์ที่จะนำนักท่องเที่ยวเข้าไปในท้องถิ่นอย่างชุมชนมอแกนต้องใช้มัคคุเทศก์จากท้องถิ่นเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อธำรงค์ไว้ซึ่งวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลให้อยู่คู่ผืนป่าและท้องทะเลอันดามันอย่างยั่งยืนได้สืบไป

ที่มา:

สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:

อื่นๆ

กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสาธารณะตลอดปีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 2565-2566

ด้วยความมุ่งมั่นให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงกิจกรรมเหล่านี้ได้ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา ความทุพพลภาพ หรือเพศ  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการจัดโครงการและกิจกรรมสาธารณะด้านวิชาการ การถ่ายทอดความรู้ และการฝึกอบรมสายอาชีพสำหรับประชาชนอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี หลากหลายรูปแบบ ทั้ง onsite และ Online ให้กับทั้งนักศึกษา บุคลากร และบุคคลภายนอกทั่วไปที่สนใจเข้าร่วม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ความร่วมมือจุฬาฯ กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยของข้าราชการตำรวจ (Affordable Housing for Police Officers)

สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจ อันเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อชุมชน

กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสาธารณะตลอดปีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

ด้วยความมุ่งมั่นให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงกิจกรรมเหล่านี้ได้ จึงได้ดำเนินการจัดโครงการและกิจกรรมสาธารณะด้านวิชาการ การถ่ายทอดความรู้ และการฝึกอบรมสายอาชีพสำหรับประชาชนอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี หลากหลายรูปแบบ ทั้ง onsite และ Online โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการดำเนินโครงการด้านความยั่งยืนเพื่อสังคม

โดยอาศัยความร่วมมือจากผู้บริหาร อาจารย์ นักศึกษาและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ต่างๆ ของคณะ สถาบันวิจัย และหน่วยงานต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย ในการดำเนินการ ซึ่งเน้นการถ่ายทอดนวัตกรรม องค์ความรู้ การบูรณาการการเรียนการสอนและการวิจัยออกสู่สังคม เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของสังคมประเทศไทยสู่การพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save