กรณีศึกษา

จุฬาฯ ชู “แสมสารโมเดล” แก้ขยะล้นทะเลไทย

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย “ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์” และ“สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ” เผยผลสำเร็จ “แสมสารโมเดล” นำร่องแก้ปัญหาขยะบนบกไหลลงทะเลชลบุรี ด้วยหลัก 3Rs ลดขยะพื้นที่แสมสารได้จริงกว่าร้อยละ 30 พร้อมขยายผลความสำเร็จจากชุมชนสู่ระดับชาติ

จากองค์ความรู้ “วิทยาศาสตร์ทางทะเล” สู่การพัฒนา “แสมสารโมเดล”

“แสมสารโมเดล” หรือ แสมสารไร้ขยะ เป็นหนึ่งในโครงการท้องทะเลไทยไร้ขยะ ภายใต้ “โครงการสร้างความตระหนักและจิตสำนึกของชุมชนในการลดและแยกขยะเพื่อไม่ให้ตกลงสู่ทะเลพื้นที่แสมสาร” ดำเนินงานโดยภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ ร่วมกับ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ศึกษาและวิจัยผลกระทบของขยะทะเลและไมโครพลาสติกที่มีผลต่อสัตว์ทะเลและมนุษย์ในพื้นที่นำร่องชุมชนแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จากความร่วมมือในระดับท้องถิ่นนำโดยองค์การบริหารส่วนตำบลแสมสาร  กองทัพเรือสัตหีบ และประชาชนในพื้นที่ ได้กำหนดแนวทางการสร้างความตระหนักและจิตสำนึกอนุรักษ์ท้องทะเลร่วมกับชุมชน พร้อมถ่ายทอดความรู้เรื่องการลดและแยกขยะให้กับชุมชนจนกลายเป็นนวัตกรรมทางสังคมผ่านการศึกษาวิจัยการมีส่วนร่วม การสร้างจิตสำนึก และการสร้างชุมชนเข็มแข็ง โดยได้บูรณาการองค์ความรู้ “Chula Zero Waste” ที่ทดลองนำมาใช้จัดการปัญหาขยะภายพื้นที่จุฬาฯ จนสำเร็จแล้ว ขยายผลมายังชุมชนแสมสาร โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (The Japan International Cooperation Agency หรือ JICA) สนับสนุนเครื่องมือสำรวจปริมาณขยะทะเลบนเกาะแสมสาร จากนั้นนำผลสำรวจมาจัดทำข้อเสนอแนะเสนอหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อเฝ้าระวัง ติดตาม และป้องกันปัญหามลภาวะจากขยะทะเลโดยเฉพาะขยะพลาสติก ช่วยลดปริมาณขยะในพื้นที่ได้มากถึงร้อยละ 30 ด้วยหลักการ 3Rs ลดการใช้ นำกลับมาใช้ซ้ำ และนำขยะกลับมาใช้ใหม่ (Reduce Reuse and Recycle)

ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ริเริ่มโครงการเล่าถึงบรรยากาศความร่วมมือของภาคีเครือข่ายและชุมชนซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือมุ่งพัฒนาพื้นที่ให้สอดรับกับการท่องเที่ยวว่า “ก่อนหน้านี้ที่แห่งนี้เคยเป็นสถานีทดลองเพาะขยายพันธุ์ปะการังด้วยวิธีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ซึ่งได้ผลสำเร็จเป็นที่แรกของประเทศไทยมาแล้ว ทำให้ชาวบ้านสนใจและอยากมีส่วนร่วมอนุรักษ์ท้องทะเลของเขา ประกอบกับที่นี่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนักจึงเอื้อต่อการท่องเที่ยวและเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ยิ่งทำให้เราต้องเร่งสร้างจิตสำนึกร่วมทั้งกับคนในชุมชนและนักท่องเที่ยวที่มาให้เขารู้จักลดและแยกขยะ เพื่อป้องกันไม่ให้ขยะเหล่านี้ไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทยของเรา”

แก้ขยะล้นทะเล” แนะแก้ปัญหาที่ต้นตอ

นอกจากนี้ ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ ยังเผยข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสำคัญต่อด้วยว่า “ปัจจุบันประเทศไทยมีขยะบนบกที่ตกลงสู่ทะเลเป็นจำนวนมากเนื่องจากการจัดการขยะบนบกที่ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะพลาสติกประเภทใช้แบบครั้งเดียวแล้วทิ้ง เมื่อตกลงสู่ทะเลแล้วนอกจากจะไม่สามารถย่อยสลายได้  ยังแตกตัวกลายเป็นไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติกส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศปนเปื้อนอยู่ในสัตว์ทะเลที่กินเข้าไปโดยไม่ตั้งใจส่งผลต่อเนื่องมาถึงมนุษย์ที่บริโภคสัตว์ทะเลเข้าไป จากการวิจัยพบว่าขณะนี้ในร่างกายของคนเรามีชิ้นส่วนของไมโครพลาสติกสะสมอยู่ในร่างกายมนุษย์มากกว่าหมื่นชิ้นแล้ว ถึงแม้จะต้องรอผลการวิจัยยืนยันในอีกประมาณ 5 – 10 ปีข้างหน้าว่าไมโครพลาสติกดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์มากน้อยเพียงใด แต่การลด ละ เลิก การใช้ขยะพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งนั้นควรจะเริ่มลงมือทำได้เลยตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่จะสายเกินไป ดังนั้น การวางแผนการจัดการนโยบายและมาตรการการลดและกำจัดขยะประเภทต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ตกลงสู่ทะเลจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง”

ผลสำเร็จและองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิจัยผลกระทบที่เกิดขึ้นของโครงการ ไม่เพียงแต่ช่วยกำหนดแนวทางการจัดการขยะบนบกที่ไม่ถูกต้องเพื่อลดปริมาณขยะทะเลในระดับประเทศและนานาชาติ แต่ยังประโยชน์เห็นผลเชิงประจักษ์ได้ตั้งแต่ในระดับท้องถิ่น เมื่อผลผลิตสัตว์น้ำที่ชาวประมงจับได้ไม่พบเศษซากขยะทะเลติดมา และปริมาณไมโครพลาสติกในท้องทะเลที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของสัตว์ทะเลลดลง ช่วยคืนสมดุลและความหลากหลายทางชีวภาพให้น่านน้ำไทยได้อีกครั้ง โดยผลสำเร็จของโครงการนี้ยังได้ขยายผลต่อเนื่องจากพื้นที่นำร่องในอำเภอสัตหีบไปสู่พื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัดชลบุรี อาทิ เมืองพัทยา อำเภออ่างศิลา เป็นต้น และยังเกิดความร่วมมือต่อยอดกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมควบคุมมลพิษ กำหนดแนวทางการดำเนินงานเชิงนโยบายเพื่อจัดการขยะของประเทศ โดยเริ่มขยายผลจากโครงการนำร่องไปยังจังหวัดใกล้เคียงอย่างระยองได้สำเร็จเป็นจังหวัดแรกอีกด้วย

ยกระดับความสำเร็จ “แสมสารโมเดล” สู่เวทีนานาชาติ 

มากไปกว่านั้น “แสมสารโมเดล” (Sameasan Model) และองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะพลาสติกยังนำไปสู่การก่อตั้งภาคีเครือข่ายระหว่างประเทศ แบ่งปันและถ่ายทอดองค์ความรู้อนุรักษ์ท้องทะเลควบคู่ไปกับสร้างจิตสำนึกในระดับนานาชาติไปสู่ 2 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ IOC/WESTPA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินกิจกรรมในภูมิภาคภายใต้กรอบของ UNESCO-IOC และ United Nations Environment Programme (UNEP) และยังเกิดโครงการความร่วมมือทำวิจัยขยะพลาสติกในทะเลน่านน้ำไทยกับประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งศูนย์วิจัยในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่าน Japan International Cooperation Agency (JICA) ผนึกกำลังกับมหาวิทยาลัยภาคีเครือข่ายในประเทศญี่ปุ่น อีก 7 แห่ง ได้แก่ Kyushu University, Tokyo University of Marine Science and Technology, Tokyo University of Agriculture and Technology, Kyoto University, Kumamoto University, Chuo University และ Kagoshima University เพื่อแสวงหาแนวทางลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลคืนความสมดุลให้ทุกชีวิตใต้ท้องทะเลไทยต่อไป

ที่มา:

คณะวิทยาศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:

อื่นๆ

จุฬาฯ ชงแก้ปัญหาขยะทะเลจากบนบก เสนอรัฐคุมใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งในบริการส่งอาหาร (Food Delivery)

ขยะพลาสติกจากธุรกิจส่งอาหารกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมเมืองโดยเฉพาะหลังจากที่ภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ห้ามให้ประชาชนออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน ส่งผลให้ธุรกิจส่งอาหารเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในขณะเดียวกลับสร้างปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลตามมาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดนั่นคือปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมีจำนวนมหาศาล และกลายเป็นขยะทันทีหลังบริโภค

UDDC ฟื้นฟูเมือง เพื่อความยั่งยืนและสุขภาวะของประชาชน

ฟื้นฟูย่านเมืองเก่าสู่กระบวนการพัฒนาแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างยั่งยืน สร้างการใช้ประโยชน์พื้นที่เมืองเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างมีคุณภาพ

จุฬาฯ กับการพัฒนาที่ยั่งยืนครั้งใหญ่ ใน Chula Sustainability Fest 2022

ในปี 2022 ผลงานที่มีส่วนในการสร้างความยั่งยืนของจุฬาฯ จะไม่อยู่แค่ใน SDGs Report แต่ได้ออกมาสื่อสารในงาน Chula Sustainability Fest 2022 เมื่อวันที่ 2-4 กันยายน 2565 เพื่อสร้าง Commitment สื่อสารนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนของจุฬาฯ Connect เชื่อมโยงประชาคมจุฬาฯ และ Inspired สร้างแรงบันดาลใจให้ช่วยกันผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืน

พิพิธภัณฑ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: แหล่งเรียนรู้โลกกว้างที่ทุกคนเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต

ภายในพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากจะเป็นที่ตั้งของคณะและสถาบันสำคัญที่ทั้งสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้นิสิตผลิตบัณฑิตให้พร้อมออกไปรับใช้สังคมแล้ว จุฬาฯ ยังได้เปิดพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงวิชาการและการอนุรักษ์ให้นิสิต คณาจารย์ และบุคลากร รวมทั้งบุคคลภายนอกที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) ศึกษาหาความรู้เสริมเพิ่มเติมทักษะต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่ได้อย่างเพลิดเพลินตามอัธยาศัยในแบบสรรสาระ (Edutainment) ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save