จุฬาฯ ร่วมกับชุมชนมอแกลน พัฒนาทุนนิเวศวัฒนธรรม สู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ระหว่างวันที่ 6–8 กันยายน 2568 คณาจารย์และนิสิตจากโครงการ “พัฒนาทุนนิเวศวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์มอแกลนเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” คณะอักษรศาสตร์ ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ สถาบันไทยศึกษา และสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงพื้นที่อำเภอท้ายเหมืองและอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เพื่อสำรวจบริบทชุมชน ศึกษาทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์มอแกลน ทั้งนี้เพื่อวางแผนพัฒนาแนวทางการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมที่เกื้อกูลต่อสิ่งแวดล้อมและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชน

โดยขณะลงพื้นที่ คณะทำงานได้เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้วิถีมอแกลน เช่น การชิมอาหารพื้นถิ่น การศึกษาระบบนิเวศชายหาดและป่าชายเลน รวมถึงการเข้าฐานการเรียนรู้ในเส้นทางท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งข้อมูลและประสบการณ์ที่ได้จะนำไปใช้ในการออกแบบแนวทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมที่เคารพต่อวิถีชีวิตชุมชนและรักษาสมดุลกับสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนในพื้นที่ชายฝั่งอันดามัน
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์มอแกลน จ.พังงา พัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยใช้ทุนนิเวศวัฒนธรรมเป็นพื้นฐาน พร้อมพัฒนาทักษะที่สำคัญ เช่น ทักษะการเล่าเรื่อง ทักษะการจัดการเว็บไซต์ ทักษะการวางแผนการเงิน ทักษะภาษาต่างประเทศ ฯลฯ สำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมให้แก่ชาวบ้านในชุมชนมอแกลน รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้นิสิตของจุฬาฯ จากหลากหลายสาขาเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการ เช่น นิสิตคณะอักษรศาสตร์และคณะเศรษฐศาสตร์ เข้าร่วมการเก็บข้อมูลภาคสนาม การออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ และการเป็นผู้ช่วยวิทยากรในกิจกรรมอบรม ซึ่งเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัยกับท้องถิ่นอย่างแท้จริง
สำหรับกลุ่มชาติพันธุ์มอแกลนในจังหวัดพังงาเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับระบบนิเวศชายฝั่งอันดามันมายาวนาน จึงทำให้พวกเขามีภูมิปัญญาในการจัดการทรัพยากรชายฝั่ง การประมงพื้นบ้าน และงานหัตถกรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมสมัยใหม่ทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมและมรดกทางภาษา–วัฒนธรรมของชาวมอแกลนเริ่มถูกกลืนหายไป
จุฬาฯ จึงได้ลงพื้นที่ร่วมกับชุมชนเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้เชิงปฏิบัติจริง ผ่านการอบรมและการจัดกิจกรรมหลากหลายให้กับชุมชน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดโครงการ เช่น
- การฝึกอบรมทักษะการเล่าเรื่องและจัดการสารสนเทศ เพื่อให้ชุมชนสามารถสื่อสารเรื่องราวของตนเองและสร้างสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวได้
- การอบรมการจัดการทางการเงินและการตลาด เพื่อพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจของชุมชน
- การออกแบบและพัฒนาพิพิธภัณฑ์ชุมชนและแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรม ที่เชื่อมโยงผู้มาเยือนกับทรัพยากรธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่
กิจกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่อง “การจัดการที่ดินและทรัพยากรเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ให้ชาวบ้านสามารถใช้พื้นที่ชายฝั่งได้อย่างเหมาะสม โดยไม่ทำลายระบบนิเวศและยังคงรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเองไว้ได้ด้วย
[ https://www.arts.chula.ac.th/th/arts-activities/2025/09/24/21433/ ]


ที่มา :
- คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้นิสิตจัดตั้งชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เพื่อเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จุฬาฯ ชงแก้ปัญหาขยะทะเลจากบนบก เสนอรัฐคุมใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งในบริการส่งอาหาร (Food Delivery)
ขยะพลาสติกจากธุรกิจส่งอาหารกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมเมืองโดยเฉพาะหลังจากที่ภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ห้ามให้ประชาชนออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน ส่งผลให้ธุรกิจส่งอาหารเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในขณะเดียวกลับสร้างปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลตามมาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดนั่นคือปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมีจำนวนมหาศาล และกลายเป็นขยะทันทีหลังบริโภค
เทคโนโลยีราไมคอร์ไรซาเพื่อการปลูกและฟื้นฟูป่าอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ตามรายงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร้อยละ 31-33 ของประเทศไทยเป็นพื้นที่สีเขียว ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและปกป้องผืนป่าโดยกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) วางเป้าหมายในการขยายพื้นที่ป่าให้เป็นร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั่วประเทศ
จาก “ละอ่อนสา-รักษ์ป่า-น่าน” ถึง “ละอ่อนน่านเรียน-รู้-รักษ์ป่า” ใช้ Google Earth Pro เพื่ออนุรักษ์ป่าชุมชน
ด้วยเหตุความเสื่อมโทรมของป่าน่าน ทำให้เกิดโอกาสแห่งร่วมมือระหว่างศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค (CLNR) จุฬาฯ และสถาบันวิจัยปรับปรุงพันธุกรรมสัตวบาล ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดน่าน เพื่อวางแนวทางการปลูกป่าและสร้างความสมดุลในระบบนิเวศของป่าชุมชน “ไหล่น่าน”




