การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนในพื้นที่โครงการพัฒนาที่ดินจุฬาฯ จังหวัดสระบุรี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตระหนักและให้ความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ทั้งในพื้นที่ภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินโครงการและแผนงานต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและส่งเสริมการจัดการแหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่บริเวณภายในพื้นที่และพื้นที่โดยรอบมหาวิทยาลัยอย่างรับผิดชอบ

หนึ่งในพื้นที่ที่สะท้อนการดำเนินการดังกล่าว คือ โครงการพัฒนาที่ดินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดสระบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาฯ มีวัตถุประสงค์ให้เป็นพื้นที่บริการวิชาการ วิจัย และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตร การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน [ https://km.rdpb.go.th/Project/View/6075 ] [ https://clnr.chula.ac.th/ ]
พื้นที่โครงการพัฒนาที่ดินจุฬาฯ สระบุรี เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยน้ำเพื่อการดำเนินกิจกรรมในหลายกิจกรรม ทั้งการเกษตร การทดลองวิจัย และการใช้งานของอาคารสำนักงาน ซึ่งในพื้นที่นอกจากการใช้น้ำประปาแล้ว ยังมีแหล่งน้ำที่อยู่ในพื้นที่ คือ อ่างเก็บน้ำความจุ 700,000 ลูกบาศก์เมตร ที่สามารถใช้รองรับและกักเก็บน้ำไว้ใช้นอกจากการใช้น้ำประปาจากระบบกลางด้วย


อ่างเก็บน้ำ ในพื้นที่โครงการพัฒนาที่ดินจุฬาฯ สระบุรี
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงด้านน้ำในระยะยาว จุฬาฯ ได้ร่วมกับ โครงการชลประทานจังหวัดสระบุรี วางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (Sustainable Water Management Plan) ไว้ดังนี้
1. การเพิ่มความจุของอ่างเก็บน้ำ (Reservoir Expansion Project)
มหาวิทยาลัยได้วางแผนปรับปรุงและเพิ่มความสูงของสันอ่างเก็บน้ำ เพื่อเพิ่มความจุจากเดิม 700,000 ลูกบาศก์เมตร เป็น 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อรองรับน้ำส่วนเกินจากอ่างเก็บน้ำบ้านดง ซึ่งมีปริมาณเฉลี่ยกว่า 5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี แนวทางนี้ช่วยให้มหาวิทยาลัยสามารถกักเก็บน้ำจากแหล่งผิวดินได้มากขึ้นในฤดูฝน เพื่อนำมาใช้ในฤดูแล้งโดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำประปามากนัก
2. ระบบท่อส่งน้ำด้วยแรงโน้มถ่วง (Gravity-fed Water Distribution System)
มหาวิทยาลัยได้วางแผนวางระบบท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำเข้าสู่พื้นที่การใช้งานภายในโครงการพัฒนาที่ดินจุฬาฯ โดยใช้หลักการแรงโน้มถ่วง (gravity system) เพื่อลดการใช้พลังงานจากปั๊มน้ำ การดำเนินงานดังกล่าวถือเป็นเทคโนโลยีการจัดสรรและสกัดน้ำ (extraction and distribution) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังช่วยกระจายน้ำให้เพียงพอสำหรับกิจกรรมการเกษตรและฟื้นฟูความชุ่มชื้นในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากไฟป่าในฤดูแล้ง
3. การประเมินศักยภาพน้ำใต้ดินและการชาร์จกลับสู่แหล่งน้ำ (Groundwater Recharge Study)
ในพื้นที่โครงการมีการศึกษาศักยภาพการชาร์จน้ำใต้ดิน (Groundwater Recharge Potential Analysis) โดยใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (GIS) เพื่อประเมินพื้นที่ที่เหมาะสมในการดูดซับน้ำกลับสู่ชั้นหินอุ้มน้ำ ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญของการสกัดและใช้น้ำอย่างยั่งยืน เพื่อไม่ให้การสูบน้ำจากใต้ดินมากเกินไปและส่งผลต่อสมดุลทางธรรมชาติ
4. การมีส่วนร่วมของชุมชน (Community-based Water Management)
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังดำเนินกิจกรรมให้ความรู้และฝึกอบรมแก่เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง เกี่ยวกับการใช้น้ำอย่างประหยัด การดูแลคุณภาพน้ำ และการบริหารจัดการน้ำร่วมกันในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งช่วยสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนในการดูแลทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
CU Channel Engagement
[ https://www.youtube.com/watch?v=Kntyhn_9-F0 ]
ที่มา :
- คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
BLOCK 28 : Start-up District โครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่สวนหลวง-สามย่าน
“CREATIVE & STARTUP VILLAGE” ย่านสตาร์ทอัพแห่งใหม่ใจกลางเมือง ชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ของคนสร้างสรรค์และเป็น community ที่ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมและการเชื่อมโยงทางธุรกิจเกิดเป็น Eco-System ของธุรกิจสตาร์ทอัพ
ดูแลคุณภาพชีวิตนิสิตครบวงจรในวิกฤตโควิด-19 ด้วยนวัตกรรม Pre-vent Protect Cure
เพื่อให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นดั่งบ้านที่ปลอดภัย ของนิสิตกว่า 37,000 คน ฝ่าวิกฤตนี้ด้วยนวัตกรรมจุฬาฯ ทั้ง ป้องกัน ปกป้อง และรักษา และออกมาตรการดูแลคุณภาพชีวิตนิสิตจุฬาฯ อย่างครบวงจร
CU-DSR เรียนรู้ผ่านการทำกิจกรรมเพื่อสังคม
การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ในในทุกๆ ที่ไม่จำเป็นที่ต้องเกิดขึ้นภายในสถานศึกษาเท่านั้น สามารถเกิดขึ้นผ่านกระบวนการต่างๆ รวมถึงการเรียนรู้ผ่านการประสบการณ์การปฏิบัติ การฝึกงาน และการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ได้
การจัดภูมิทัศน์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยพันธุ์ไม้พื้นเมืองท้องถิ่น ทนแล้ง แข็งแรง และช่วยประหยัดน้ำ
ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ และการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างเสริมความยั่งยืนในเรื่องของการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยจึงตระหนักถึงความเหมาะสมในการเลือกพันธุ์ไม้พื้นเมืองท้องถิ่นที่จะนำมาปลูกเพิ่มเติมจากต้นไม้ที่มีอยู่แล้วดั้งเดิมภายในพื้นที่หรือในการปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ โดยเลือกปลูกพันธุ์ไม้พื้นเมืองท้องถิ่น สลับกับพันธุ์ไม้อื่น ๆ ที่ปลูกอยู่ด้วย เนื่องจากพันธุ์ไม้พื้นเมืองท้องถิ่นจะทนทานต่อสภาพภูมิอากาศของประเทศที่ค่อนข้างแล้ง ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด




