การเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนพิการขาขาดทั่วประเทศไทยด้วยนวัตกรรมเท้าเทียมไดนามิกส์เอสเพส (sPace)
“โครงการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนพิการขาขาดทั่วประเทศไทยด้วยนวัตกรรมเท้าเทียมไดนามิกเอสเพส จัดโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ โรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว) ผ่านสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช) โดยได้นำเอาผลงานวิจัยนวัตกรรมเท้าเทียมไดนามิกส์เอสเพส มาผลิตเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้พิการขาขาดจำนวน 300 ราย ได้เข้าถึงเท้าเทียมคุณภาพสูง โดยแจกจ่ายผ่านโรงพยาบาลของรัฐจำนวน 22 แห่ง ขณะเดียวกันก็ดำเนินการเก็บข้อมูล Feed back จากผู้พิการขาขาด แล้วนำมาประเมินความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข (ต้นทุนประสิทธิผล) เพื่อเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับใช้ประกอบการยื่นขอให้เท้าเทียมไดนามิกเอสเพสเข้าไปอยู่ในสิทธิเบิกพื้นฐานของรัฐหรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ต่อไป”

จากสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2560 พบว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้พิการขาขาดประมาณ 40,836 คน โดยผู้พิการถึงร้อยละ 95 ในประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนา ใช้เท้าเทียมที่ยังมีคุณภาพต่ำตามสิทธิเบิกพื้นฐานของรัฐบาล หรือ Sach Foot ซึ่งเป็นเท้าเทียมแบบไม่มีข้อเท้า ไม่มีแรงส่งจากเท้าขณะเดิน จึงทำให้การเดินของคนพิการขาขาดยังไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งข้อจำกัดในการเข้าถึงเท้าเทียมที่มีคุณภาพสูงคือข้อจำกัดทางด้านราคาที่แพงอยู่ในช่วงประมาณ 60,000-150,000 บาท ฉะนั้นหากสามารถผลิตเท้าเทียมคุณภาพสูงได้เองในราคาที่เหมาะสมผู้พิการก็จะสามารถเข้าถึงเท้าเทียมคุณภาพสูงได้ ซึ่งจะส่งผลช่วยให้ผู้พิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และทำให้ผู้พิการสามารถกลับไปประกอบอาชีพ พึ่งพาตัวเองได้ ส่งผลดีต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติต่อไป
ดังนั้นทีมวิจัยจึงได้พัฒนานวัตกรรมเท้าเทียมไดนามิกคุณภาพสูงทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มีน้ำหนักเบา แข็งแรง มีความยืดหยุ่นเหมือนมีข้อเท้า สามารถสร้างแรงส่งขณะก้าวเดิน สามารถทำกิจกรรมนอกบ้าน เดินในพื้นที่ขรุขระ การออกกำลังกายเบาๆ และการวิ่งเหยาะๆได้ และผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากล ISO10328 ได้รับการรับรองระบบบริหารคุณภาพกระบวนการผลิตเครื่องมือแพทย์ ISO13485 ได้จดอนุสิทธิบัติกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาเลขที่ 20057 ได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย ตลอดจนได้ทำการสอบกับผู้พิการจริง (Clinical Trial) เรียบร้อยแล้ว โดยโรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล นอกจากนี้ทีมวิจัยยังได้จัดตั้งบริษัทที่ Spin-off ชื่อ MUTHA Co., Ltd. ขึ้น เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายเท้าเทียมไดนามิกเอสเพสคุณภาพสูงที่สามารถผลิตขึ้นได้เองภายในประเทศและถูกกว่าเท้าเทียมไดนามิกจากต่างประเทศ 2-5 เท่า โดยมีราคาเท้าเทียมไดนามิกอยู่ที่ 30,000 บาท โครงการฯนี้เป็นโครงการที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ โรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว) ผ่านสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช) จัดทำโครงการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนพิการขาขาดทั่วประเทศไทยด้วยนวัตกรรมเท้าเทียมไดนามิกเอสเพส (sPace) เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2566 ให้กับประชาชน โดยได้นำเอาผลงานวิจัยนวัตกรรมเท้าเทียมไดนามิกเอสเพส มาผลิตเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้พิการขาขาดทั่วประเทศที่ด้อยโอกาสจำนวน 300 ราย ได้เข้าถึงเท้าเทียมคุณภาพสูง ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยแจกจ่ายผ่านโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศจำนวน 22 แห่ง ขณะเดียวกันก็ดำเนินการเก็บข้อมูล Feed back จากผู้พิการที่ได้รับเท้าเทียมไดนามิกในโครงการฯ แล้วนำมาประเมินความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข (ต้นทุนประสิทธิผล) สำหรับเท้าเทียมไดนามิกเอสเพสเพื่อเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับใช้ประกอบการยื่นขอให้เท้าเทียมไดนามิกเอสเพสเข้าไปอยู่ในสิทธิเบิกพื้นฐานของรัฐหรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ต่อไป

ที่มา
ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกายอุปกรณ์และสิ่งปลูกฝังทางออร์โธปิดิกส์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:
อื่นๆ
นวัตกรรมโดรนใต้น้ำจากจุฬาฯ กับภารกิจพิทักษ์ท้องทะเลไทย
วิทยาศาสตร์ของมวลมนุษยชาติเป็นไปด้วยความล่าช้า และทำให้ความจริงของธรรมชาติประการสำคัญยังมิถูกพิสูจน์ทราบตามหลักฐานทางวิชาการ แต่เมื่อเทคโนโลยีเจริญรุดหน้า มนุษย์จึงพัฒนานวัตกรรมอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle : UAV) และนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในภารกิจสำรวจทางธรรมชาติเพื่อให้ผู้สำรวจได้รับความสะดวกสบายและเกิดความปลอดภัยขณะปฏิบัติงาน
การดำเนิการตามแนวพระราชดำริ: ส่งต่อความหลากหลายทางระบบนิเวศสู่คนรุ่นหลัง
“การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไม่ได้หมายถึงการเก็บเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าถึง แต่หมายถึงการรักษาไว้อย่างยั่งยืนเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม”
CU Innovations for Society ภารกิจกู้วิกฤติโควิด-19 เพื่อคนไทย
เมื่อโลกถูกเขย่าอย่างรุนแรงด้วยเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดกลายเป็นโรคอุบัติใหม่ “โควิด-19” ปลุกให้หลายประเทศจำเป็นต้องลุกขึ้นมารับมือกับโรคร้ายนี้เพื่อดูแลประชาชนคนในชาติของตนรวมถึงประเทศไทยของเราด้วย
CU Innovation Hub: เสริมพลังขับเคลื่อน Start-ups พลิกโฉมอนาคตสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 มุ่งหวังให้เป็นหน่วยงานในการสนับสนุนและเร่งสร้าง Start-ups ที่มีคุณภาพ ตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 และเพื่อพัฒนากำลังคนที่มีทักษะและความสามารถในการคิดเชิงนวัตกรรม รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางการสร้างนวัตกรรมที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเชื่อมโยงงานวิจัย เทคโนโลยี สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา และการบ่มเพาะธุรกิจ Startup สู่ตลาดจริง




