กรณีศึกษา

จุฬาฯ อวดสองนวัตกรรมคืนชีวิตใหม่ให้ปะการังไทย ผสมเทียมสำเร็จครั้งแรกของโลก พร้อมชูเครื่องพิมพ์ 3 มิติสร้างปะการังเทียม

ปัญหาการเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วของระบบนิเวศของมหาสมุทรถือเป็นภาวะวิกฤติการณ์ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมจากทั่วโลกต่างให้ความสนใจอย่างมากกับความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์ในระบบนิเวศทางทะเล ซึ่งได้รับผลกระทบจากทางตรงและทางอ้อมจากความผิดปกติของสภาพอากาศ สิ่งมีชีวิตจำนวนมากใกล้จะสูญพันธุ์ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว “ปะการัง” เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตเราเหล่านั้น

จากรายงานของ National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ประเมินว่ามหาสมุทรหลายแห่งทั่วโลกกำลังเผชิญกับความเครียดจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลต่อแนวปะการังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ. 2547 เพียงปีเดียว แนวปะการังทั่วโลกได้รับผลกระทบไปแล้วถึงร้อยละ 38 ซึ่งมีพื้นที่กว่า 12,000 ตารางกิโลเมตร และแน่นอนว่าห่วงโซ่อาหารของระบบนิเวศทางทะเลก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งสอดคล้องกับรายงานทางวิทยาศาสตร์ในปี พ.ศ. 2558 ที่คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2588 หรืออีก 25 ปีข้างหน้า แนวปะการังทั่วโลกมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์โดยสมบูรณ์หรืออาจเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

หากย้อนดูสถานการณ์ในประเทศไทย พบว่าระบบนิเวศทางทะเลในมหาสมุทรไทยกำลังเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ในเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า แนวปะการังน้ำตื้นมีสีจางลงกว่า 5-30 เปอร์เซ็นต์ โดย 5-15 เปอร์เซ็นต์กลายเป็นปะการังฟอกขาวแล้ว หากปล่อยไว้โดยไม่รีบแก้ไขอาจส่งผลทำให้ปะการังไทยสูญพันธุ์เร็วกว่าที่คาดไว้ ตัวเร่งที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยเฉพาะปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ที่ทำให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น แม้เพียงแค่ 1-2 องศาเซลเซียส แต่อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถคร่าชีวิตปะการังและหญ้าทะเลได้ นอกจากนี้ ยังมีตัวเร่งสำคัญอีกตัวที่ส่งผลให้แนวปะการังไทยเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่องคือ การขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่นอกจากจะสร้างรายได้มหาศาลนับล้านบาทแล้ว ยังสร้างมลพิษ และทิ้งปัญหาขยะที่เกิดจากกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยตรงอีกด้วย ในถ้านับเฉพาะปี พ.ศ. 2562 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยราว 39.7 ล้านคน ซึ่งแน่นอนว่ากิจกรรมการท่องเที่ยวก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แนวปะการังถูกทำลาย แตกหัก เสียหายเป็นแนวยาว จากการที่เรือท่องเที่ยวทอดสมอลงทะเล ขูดกระแทกแนวปะการัง นอกจากนี้ ยังส่งผลให้สัตว์น้ำวัยอ่อนที่เคยอาศัยแนวปะการังเป็นที่พักพิงขาดแหล่งอนุบาลช่วงเจริญพันธุ์และไร้ปราการหลบภัยตามธรรมชาติอีกด้วย

ในทศวรรษที่ผ่านมา หลากหลายภาคส่วนได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาแนวทางอย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลโดยใช้วัสดุที่เลิกใช้แล้วหรือผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น โครงสร้างเหล็ก ยางรถยนต์ แท่งคอนกรีต ท่อพีวีซี ตลอดจนฉนวนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ถูกนำมาใช้ในการสร้างบ้านปะการังเทียมสำหรับสิ่งมีชีวิตในทะเล แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของวัสดุเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับสภาพธรรมชาติเดิมของแนวปะการังในบริเวณใกล้เคียงและยังส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพของในทะเลไม่เอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมายังแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของไทยได้ดังเดิม

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการฟื้นฟูชีวิตให้กับแนวปะการังและต่อชีวิตให้กลับคืนสู่ท้องทะเลไทย โดยคำนึงว่า หากเราปล่อยให้แนวปะการังฟื้นคืนชีพด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ระบบนิเวศไม่สมดุลเช่นนี้ก็อาจไม่ทันการ จึงจับมือกับพันธมิตรภาคีเครือข่ายหลายหน่วยงานเร่งเสาะแสวงหาแนวทางแก้ปัญหาภาวะแนวปะการังถูกคุกคามจากสองสาเหตุใหญ่ในข้างต้นอย่างเต็มสรรพกำลัง ผ่านการดำเนินโครงการนำร่อง 2 โครงการ ทั้งศึกษาการขยายพันธุ์ปะการังด้วยวิธีผสมเทียมเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรและโอกาสรอดให้กับปะการัง ควบคู่ไปกับการสร้างบ้านปะการังใหม่ที่สวยงามตามธรรมชาติด้วยกระบวนการขึ้นรูปด้วยเครื่องพิมพ์ซีเมนต์คอนกรีตแบบสามมิติ

โครงการศึกษาวิจัยและอนุรักษ์ปะการังที่เกาะแสมสาร อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นโครงการนำร่องที่ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ และ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายอีก 3 หน่วยงาน ได้แก่ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และบริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม ริเริ่มศึกษาวิจัยแนวทางอนุรักษ์ปะการังบริเวณชุมชนแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องเพาะพันธุ์ปะการังแบบอาศัยเพศจากเซลล์สืบพันธุ์แช่แข็งด้วยเทคนิค Cryopreservation ที่ใช้อุณหภูมิต่ำรักษาสภาพเซลล์ไข่และสเปิร์มของปะการังไว้กว่า 10 สายพันธุ์ในห้องปฏิบัติการได้เป็นครั้งแรกของโลก โดยแบ่งปะการังออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังเขากวาง และปะการังสมอง เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรปะการังก่อนปล่อยลงสู่ธรรมชาติและช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของปะการังได้สูงถึงร้อยละ 40-50 ซึ่งหากปล่อยให้ปะการังขยายพันธุ์เองตามธรรมชาติพบกว่าอัตราการรอดชีวิตของตัวอ่อนปะการังจะเหลืออยู่เพียงร้อยละ 0.01 เท่านั้น ปัจจุบันโครงการสามารถขยายพันธุ์ปะการังที่ทนต่ออุณหภูมิน้ำทะเลสูงได้กว่า 10 ชนิด ดังนั้นการผสมเทียมจึงไม่เพียงเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูปะการังในธรรมชาติอย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ปัญหาปะการังฟอกขาวของประเทศไทยอีกด้วย

ที่มา: mubadalauae
[ https://www.youtube.com/watch?v=0c7qC_CpWy0&t=46s ]

นอกจากนี้ผู้ดำเนินโครงการยังได้สร้างความร่วมมือกับชาวบ้านกว่า 4 หมู่บ้านในชุมชนแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 6418 คน ซึ่งมีอาชีพหลักเป็นชาวประมง พ่อค้า ลูกจ้าง โดยจัดอบรมให้ความรู้ด้านเทคนิค และกระบวนการฟื้นฟูและอนุรักษ์ปะการังพร้อมทั้งร่วมกันปล่อยปะการังกลับคืนสู่ท้องทะเล เป็นการสร้างจิตสำนึกให้ชุมชนรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นของตนโดยมีรายได้เสริมจากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นตัวกระตุ้น ส่งผลให้รายได้ต่อหัวของชาวแสมสารเพิ่มขึ้นรวม 178,766.58 บาทต่อปี

แม้ว่าการผสมเทียมปะการังจะช่วยเพิ่มอัตรารอดให้ปะการังได้มากถึงร้อยละ 50 แต่เพื่อขยายขีดความสามารถการขยายพันธุ์ปะการังให้ท้องทะเลไทย จึงนำไปสู่การศึกษาแนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูปะการังของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ร่วมกับ เครือซิเมนต์ไทยและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มูลนิธิ Earth Agenda พร้อมด้วยพันธมิตรที่สนับสนุนกองทัพเรือและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พัฒนาโครงการนวัตปะการังเพื่อการพัฒนาและการฟื้นฟูระบบนิเวศแนวปะการัง โดยร่วมกันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมปะการังเทียมรูปแบบใหม่ ใช้วิธีออกแบบโครงสร้างแข็งปะการังให้สวยงามเสมือนจริงตามธรรมชาติที่มีอยู่เดิมในระบบนิเวศ ประกอบกับใช้วัสดุนวัตปะการังที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมใต้ทะเล ขึ้นรูปด้วยเครื่องพิมพ์ซีเมนต์คอนกรีตแบบสามมิติ โดยที่โครงสร้างภายนอกของปะการังเทียม 3 มิติ ประกอบด้วยอนุภาคนาโนแคลเซียมฟอสเฟต ซึ่งเป็นองค์ประกอบอาหารของปะการังวัยอ่อน นอกจากนี้ยังสามารถใส่รายละเอียดเกี่ยวกับความซับซ้อนของโครงสร้างแนวปะการังได้ สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายเนื่องจากมีน้ำหนักเบา ถอดแยกชิ้นส่วนได้ และสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งและค่าแรงในการติดตั้ง

ที่มา: Sustainability Expo
[ https://www.youtube.com/watch?v=k_6HkhWajjo ]

โครงการนี้จะช่วยให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งบรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูแนวปะการังอย่างน้อยร้อยละ 40 ภายในปี 2565 และขยายพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เช่น พื้นที่คุ้มครองทางทะเล นวัตกรรมปะการังนี้สามารถสร้างได้หลายรูปแบบ เช่น ต้นแบบปะการังเทียมในอนาคตและแนวปะการังเทียมเพื่อการท่องเที่ยว แทนที่แนวปะการังธรรมชาติหรืออุทยานทางทะเลด้วย Smart Station ที่สามารถใช้ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้ [ https://www.chula.ac.th/clipping/81203/ ]

คุณค่าที่โครงการนี้ได้เพิ่มให้กับท้องทะเลไทยไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการติดตามผลการดำเนินโครงการทุกเดือนรอบๆ เกาะสีชัง โดยการตรวจสอบจำนวนและความหลากหลายของชนิดพันธุ์ที่เกาะอยู่ตามปะการังเทียม การทดสอบการจมน้ำจากตะกอนดิน และ ดำเนินการทดสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง ความพยายามดังกล่าวส่งผลให้ได้รับรางวัลการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2563 [ https://www.bangkokbiznews.com/social/1019733 ]

จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า ทั้งสองโครงการที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมุ่งหวังตั้งใจดำเนินการอยู่นั้นเป็นแนวทางฟื้นฟูและอนุรักษ์แนวปะการังในท้องทะเลไทย ให้เกิดการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีคิดและแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากของการพัฒนานวัตกรรมอย่างเข้าใจ และยังสร้างการมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายร่วมกันส่งต่อความยั่งยืนนี้ให้อยู่คู่ชุมชนได้ต่อไป

นอกจากนี้ทางคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯ และโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองทัพเรือ ร่วมกัน เผยแพร่การค้นพบ “ปะการังอ่อนพันธุ์ใหม่ของโลก” ซึ่งเป็นพันธุ์หายาก ชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายทางนิเวศวิทยาของทะเลไทย และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  พระราชทานนามว่า “สิรินธรเน่” ยังได้มีการนำเศษกระจกมาทำเป็นปะการังเทียม  บริษัท ไทยเทคโนกลาส จำกัด หรือ BSG GLASS ร่วมมือกับกลุ่มการวิจัยชีววิทยาแนวปะการัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองทัพเรือ เดินหน้าโครงการอนุบาลและฟื้นฟูปะการัง ณ เกาะแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตั้งเป้าหมายคืนความสมดุลให้ระบบนิเวศทางทะเลภายใต้แนวคิดขยะเหลือ โครงสร้างดังกล่าวช่วยให้เกิดการยึดเกาะของตัวอ่อนปะการังและเพิ่มแหล่งที่อยู่อาศัยให้สัตว์ทะเล อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากวัสดุกระจกใช้ทรายเป็นส่วนประกอบหลักในกระบวนการผลิต เปรียบเสมือนการคืนทรายกลับสู่ท้องทะเล

ที่มา: Warut Srisuwan
[ https://www.youtube.com/watch?v=TVjbvjMz8Wk&t=2s ]

ที่มา:

  • คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:

อื่นๆ

บางโพลีฟวิ่งแล็บ: โครงการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน ผ่านการวางแผนการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนถนนสายไม้บางโพ

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินโครงการวิจัย Bang Pho Living Lab ได้รับทุนสนับสนุนจาก ศูนย์กลางนวัตกรรมทางสังคมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม้ของชุมชนถนนสายไม้ ย่านบางโพให้กลับมาเป็นที่รู้จักและส่งเสริมการสืบทอดภูมิปัญญาของชุมชน ผ่านการสร้างพื้นที่ร่วมทดลองปฏิบัติการจริง โดยนิสิต 266 คน

CU Innovations for Society ภารกิจกู้วิกฤติโควิด-19 เพื่อคนไทย

เมื่อโลกถูกเขย่าอย่างรุนแรงด้วยเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดกลายเป็นโรคอุบัติใหม่ “โควิด-19” ปลุกให้หลายประเทศจำเป็นต้องลุกขึ้นมารับมือกับโรคร้ายนี้เพื่อดูแลประชาชนคนในชาติของตนรวมถึงประเทศไทยของเราด้วย

จุฬาอารี นวัตกรรมทางสังคมเพื่อขับเคลื่อนสังคมผู้สูงอายุไทย

จากรายงานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่าในปี พ.ศ. 2564 สังคมไทยจะเปลี่ยนเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ การเป็นสังคมสูงวัยสะท้อนถึงความสำเร็จของมนุษยชาติ ในการที่จะมีชีวิตยืนยาวขึ้นอย่างมาก

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับภารกิจสู้วิกฤตน้ำมันรั่วไหลพิทักษ์ท้องทะเลไทย

ปัญหาระบบนิเวศชายฝั่งทะเลไทยได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของน้ำมันดิบหลากหลายรูปแบบยังคงได้รับความสนใจจากประชาชนในวงกว้างทุกครั้งที่ถูกนำเสนอโดยสื่อมวลชน  เพราะในทุกปี ผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งหรือบริเวณป่าชายเลนในประเทศไทยจะพบคราบน้ำมันและก้อนน้ำมันบนชายฝั่งซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิต และกระทบการท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save