เข้าใจชุมชนคนรักช้าง สู่สถาปัตยกรรมเพื่อช้าง Elephant World จังหวัดสุรินทร์
“ชาวกูย” กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอัตลักษณ์ด้านภาษา วัฒนธรรม วิถีชีวิต และ“ช้าง”ในจังหวัดสุรินทร์ที่เติบโตกันมาหลายร้อยปี เมื่อหาเลี้ยงทั้งช้างและปากท้องไม่พอ เนื่องจากพื้นที่ที่เคยเป็นแหล่งอาหารเดิมถูกทำให้กลายมาเป็นเมือง ยังไม่รวมภาวะปัญหาเศรษฐกิจ ควาญช้างจึงต้องพาช้างเร่ร่อนออกเดินทาง เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเอง เกิดเป็นภาพการทรมานช้างในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ส่งผลในแง่ลบกับการท่องเที่ยวไทย จึงเป็นที่มาของโครงการ “Elephant World” หรือ “โลกของช้าง” ที่บ้านตากลาง จังหวัดสุรินทร์
ที่มา: Spaceshift Studio
“Elephant World” เกิดขึ้นจากความตั้งใจให้พื้นที่เป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งศึกษาข้อมูลทางวิชาการ ผลักดันให้โลกของช้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับช้างแบบครบวงจร จากความร่วมมือของรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ร่วมกับ งบส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ และเปิดใช้จริงในปี 2563
โดยมี ผศ.บุญเสริม เปรมธาดา สถาปนิก Bangkok Project Studio ที่เชี่ยวชาญการทำงานสอดคล้องกับวิถีชุมชน และเป็นอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ออกแบบโครงการ นำทีมลงพื้นที่เพื่อศึกษา ทำงานร่วมกับคนในท้องถิ่น ก่อนออกแบบ และดำเนินงานจริง “การลงพื้นที่สำคัญที่สุด ที่เราจะได้ข้อมูลจากความเป็นจริง แล้วนำข้อมูลมาโต้แย้งกันเพื่อให้คำตอบ และทำงานนั้นให้ครบวัตถุประสงค์มากที่สุด”
ที่มา: Spaceshift Studio
แนวคิดโดดเด่นของโครงการ “Elephant World” คือ “Non-Human Centered” ที่ไม่ได้มองมนุษย์เป็นศูนย์กลาง แต่มองสิ่งอื่นสำคัญเท่าเทียมกัน การออกแบบพื้นที่จึงให้ความสำคัญกับขนาดและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อช้าง ดังเห็นได้จาก “อาคารลานวัฒนธรรม”(Cultural courtyard) ลานนันทนาการของช้างขนาดใหญ่ ทั้งยังจำลองภูมิประเทศเนินที่ช้างคุ้นเคยในภาคอีสาน ในขณะที่ “Brick Tower” 5 ชั้น มีหน้าที่เป็นอาคารสำหรับชมโครงการในมุมกว้าง และเป็นหอที่ใช้โปรยเมล็ดลูกยางโดยอาศัยแรงลมและความสูงเพื่อปลูกป่าทดแทน
วัสดุเกือบทั้งหมดที่ใช้สร้างมาจากดิน โดยนำดินพื้นที่ต่างๆ มาปั้นเป็นอิฐ นำเงินงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชนกลับคืนสู่ประชาชน ในรูปแบบรายได้จากการทำงาน ทั้งยังทำให้คนในชุมชนที่ไม่เคยลองทำได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการทำงาน นำไปสู่การสร้างแรงงานมีฝีมือ ก่อนเกิดเป็นกระบวนการทำงานช่วยสร้างรายได้ที่ชาวบ้านสามารถบริหารจัดการต่อได้เอง หากมองภาพรวม ผศ.บุญเสริม เปรมธาดามีหลายผลงานที่นำวัสดุธรรมชาติมาขึ้นรูปอิฐ รวมถึงผลงานอิฐจากมูลช้างที่นำไปใช้จริงกับผลงาน Elephant Theatre ในงาน The Biennnale Architecture and Landscape of Versailles 2022 ที่แวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส และผลงาน The Elephant Dung Towers ในนิทรรศการ The 254th Summer Exhibition,The Royal Academy of Arts 2022 ในลอนดอน สหราชอาณาจักร
ที่มา: Spaceshift Studio
ในแง่มุมการประเมินผล เนื่องจากในปี 2563 ปีแรกที่เปิดใช้งาน เป็นช่วงเวลาเดียวกับสถานการณ์วิกฤติโรคระบาดโควิด-19 นอกจากความตั้งใจเดิมที่อยากให้ชาวกูยพาช้างกลับบ้าน “Elephant World” จึงยังได้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่ดูแลช้างอดอยาก ที่มีผู้ใจบุญมาร่วมบริจาคอาหารให้ช้าง ในช่วงขาดรายได้จากนักท่องเที่ยว ส่วนในระดับสากลผลงานนี้ทำให้ ผศ.บุญเสริม เปรมธาดา เป็นที่จับตามอง ได้รับเชิญไปบรรยายในการประชุมระดับนานาชาติในประเด็น “Non-Human Centered” ที่สามารถเชื่อมโยงกับสถานการณ์ “Climate Change” ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ และยังเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลThe Royal Academy Dorfman Award 2019 จากราชบัณฑิตยสถานด้านศิลปะแห่งสหราชอาณาจักร รวมถึงรางวัลศิลปาธรประจำปี พ.ศ. 2562 ในสาขาสถาปัตยกรรม และรางวัลThe Golden Madonnina 2021 of THE DESIGN PRIZE สาขา SOCIAL IMPACTจากCity of Milano,Italy
“คำว่า Sustainability ที่ผมทำเกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์ ธรรมชาติและวัฒนธรรม” สิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใด มนุษย์ สัตว์ พืช ทุกสิ่งล้วนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เป้าหมายของผมคือการรักษา “สมดุล” ด้วยการให้มนุษย์คืนพื้นที่ที่เคยรุกรานมานานนับศตวรรษกลับสู่พืชและสัตว์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนในชนบทจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นให้พวกเขาสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากเราไม่พัฒนาในชนบท เราทุกคนก็ต้องย้ายเข้ามาทำงานในเมืองหลวง ต้องมาแออัดอยู่ในสลัม กลายเป็นปัญหาทั้งเรื่องการจราจร มลพิษทางสิ่งแวดล้อม ปัญหาทางสังคม และปัญหาทางสุขภาพ นอกจากนี้ความหมายของความยั่งยืนยังผนวกรวมถึงวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อม(Cultural environment)อันเป็นรากเหง้าที่จะทำให้มนุษย์ดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ในวิถีชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง ทุกอย่างมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ในขณะที่เรากำลังเผชิญกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงฉับพลัน (Climate change) ถึงเวลาหรือยังที่เราจะใช้ภาษา”Sustainability”เป็นภาษาร่วมกันเพื่อการเยียวยาโลกที่เราอยู่อาศัยนี้” กล่าวโดย ผศ.บุญเสริม เปรมธาดา
ที่มา: Spaceshift Studio
ที่มา:
- เรียบเรียงจากบันทึกสัมภาษณ์ ผศ.บุญเสริม เปรมธาดา และบทความจากสื่อที่เกี่ยวข้อง
- คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:
- https://www.facebook.com/people/โลกของช้าง-Elephant-World/100069173230824/
- https://surin.prd.go.th/th/content/category/detail/id/170/iid/67633
- https://becommon.co/life/boonserm-premthada-the-architect/
- https://becommon.co/culture/surin-elephant-world/
- https://www.iameverything.co/contents/boonserm-premthada
- https://citycracker.co/city-design/6-architectures-design-by-boonserm-premtada/
- https://www.designboom.com/architecture/boonserm-premthada-elephant-dung-bricks-thailand-12-31-2021/
- https://www.theguardian.com/artanddesign/2022/jun/15/architects-climate-crisis-royal-academy-summer-exhibition
SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
นวัตกรรมฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมด้วยราไมคอร์ไรซา พิสูจน์ทราบแล้วจากป่าต้นน้ำน่าน พร้อมส่งผ่านสู่สมรภูมิไฟป่าทั่วโลก โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป้าหมายที่จะรักษาผืนป่าของไทยให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ร่วมมือกับ NGOs เพื่อขับเคลื่อน SDGs ผ่านกิจกรรมการอาสาสมัครของนิสิต
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สังคม และเศรษฐกิจ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับเป้าหมาย SDGs ทั้งหมด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมมือกับหลายองค์กร ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร(NGOs) โดยนิสิตมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเป้าหมาย SDGs ในด้านต่างๆ โดยเข้าร่วมในโครงการอาสาสมัครต่างๆ
อนุรักษ์ปลากระเบนเจ้าพระยา อนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่กลอง
นักวิชาการต่างยกให้ปลากระเบนเจ้าพระยาเป็นสิ่งมีชีวิตบ่งชี้ความไม่สมดุลของระบบนิเวศน้ำจืดด้วยคุณสมบัติของปลาชนิดนี้ที่มีความไวต่อสารพิษและสภาพการเปลี่ยนแปลงของถิ่นที่อยู่อาศัย
สผ. ร่วมกับ GIZ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หารือผู้เชี่ยวชาญในประเด็นความเสี่ยงของพืชเศรษฐกิจหลัก และข้อเสนอเชิงนโยบาย ด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรของประเทศไทย
เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อผลการวิเคราะห์ประเด็นความเสี่ยงจากปัจจัยคุกคามทางสภาพอากาศต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจหลักในแต่ละพื้นที่ย่อย โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนจากสถาบันการศึกษา และภาครัฐ เข้าร่วมการประชุม