จุฬาฯ ชงแก้ปัญหาขยะทะเลจากบนบก เสนอรัฐคุมใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งในบริการส่งอาหาร (Food Delivery)
ขยะพลาสติกจากธุรกิจส่งอาหารกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมเมืองโดยเฉพาะหลังจากที่ภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ห้ามให้ประชาชนออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน ส่งผลให้ธุรกิจส่งอาหารเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในขณะเดียวกลับสร้างปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลตามมาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดนั่นคือปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมีจำนวนมหาศาล และกลายเป็นขยะทันทีหลังบริโภค ด้วยเหตุที่ขยะพลาสติกเหล่านี้มักมีเศษอาหารปนเปื้อนและส่วนใหญ่ไม่มีการล้างทำความสะอาดจึงยากต่อการรีไซเคิล ปัญหาขยะยุคใหม่ของสังคมไทยจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายภาครัฐและฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างยิ่งซึ่งหากยังไม่มีมาตรการบรรเทาผลกระทบจะยิ่งส่งผลให้ปริมาณขยะพลาสติกที่ส่งไปกำจัดและที่ตกค้างอยู่รั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อมและท้ายที่สุดก็จะไหลลงสู่ทะเลมากขึ้นเรื่อย ๆ ซ้ำเติมปัญหาขยะพลาสติกในทะเล (Marine debris pollution) ซึ่งขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทั้งถุงร้อนถุงเย็นใส่อาหาร ถุงพลาสติกหูหิ้ว หลอดพลาสติก กล่องโฟม แก้วพลาสติก ฝาขวดพลาสติก ล้วนติดกลุ่ม Top 10 ของขยะทะเลที่พบในชายฝั่งและน่านน้ำของไทย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม หน่วยงานผู้ผลักดันแนวคิด Chula Zero Waste จนนำไปสู่การเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของคนไทยในเรื่องจัดการขยะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นำโดย ดร.สุจิตรา วาสนาดำรงดี ร่วมกับนิสิตปริญญาเอกที่กำลังทำวิจัยในเรื่องดังกล่าว ได้นำเสนอประเด็นปัญหาและทางออกของขยะพลาสติกจากการใช้บริการส่งอาหาร (Food Delivery) เพื่อระงับยับยั้งมิให้ขยะที่เกิดจากกิจกรรมบนบกในช่วงโควิด19 เหล่านี้สร้างปัญหาและเป็นมลภาวะทางทะเลให้ที่ประชุมคณะทำงานด้านการพัฒนากลไกการจัดการพลาสติกและขยะอิเลคทรอนิกส์ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 จากนั้นกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้เชิญกลุ่มผู้ประกอบการ Online Delivery Platform หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม มาร่วมหารือแนวทางความร่วมมือเพื่อจัดการขยะพลาสติกจากการใช้บริการส่งอาหาร (Food Delivery) จนนำไปสู่การจัดงานลงนามความร่วมมือ (MOU) เป็นภาคีเครือข่ายเพื่อสนับสนุนข้อมูลวิชาการต่าง ๆ ระหว่างกัน ในวันที่ 30 กันยายน 2563
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังได้ร่วมเป็นคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ MOU นี้ โดยบูรณาการนโยบายผลักดันให้เกิดมาตรการเห็นผลเป็นรูปธรรมในประเทศไทย และติดตามประเมินผลการดำเนินเพื่อเสนอต่ออนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเลคทรอนิกส์ทุก 3 เดือน และยังได้นำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคในประเด็นที่เกี่ยวข้องภายใต้ความร่วมมือนี้ ก่อนที่จะนำมาเรียบเรียงและเผยแพร่บทความวิชาการเรื่อง “ขยะพลาสติกจากการสั่งอาหารออนไลน์” จำนวน 2 บทความในวารสารสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการและสร้างความตระหนักให้กับผู้กำหนดนโยบายและผู้ที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยต่อไป นับเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนการอนุรักษ์และดูแลมหาสมุทรและทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลของไทยตั้งแต่ต้นทางผ่านนโยบายระดับประเทศที่สอดคล้องกับแนวทางอนุรักษ์สภาวะแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืนของประชาคมอาเซียน (ASEAN Regional Action Plan for Combating Marine Debris)
ที่มา:
สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:
SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
สผ. ร่วมกับ GIZ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หารือผู้เชี่ยวชาญในประเด็นความเสี่ยงของพืชเศรษฐกิจหลัก และข้อเสนอเชิงนโยบาย ด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรของประเทศไทย
เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อผลการวิเคราะห์ประเด็นความเสี่ยงจากปัจจัยคุกคามทางสภาพอากาศต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจหลักในแต่ละพื้นที่ย่อย โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนจากสถาบันการศึกษา และภาครัฐ เข้าร่วมการประชุม
จุฬาฯ ชู “แสมสารโมเดล” แก้ขยะล้นทะเลไทย
จุฬาฯ โดย “ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์” และ“สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ” เผยผลสำเร็จ “แสมสารโมเดล” นำร่องแก้ปัญหาขยะบนบกไหลลงทะเลชลบุรี ด้วยหลัก 3Rs ลดขยะพื้นที่แสมสารได้จริงกว่าร้อยละ 30 พร้อมขยายผลความสำเร็จจากชุมชนสู่ระดับชาติ
โครงการออกกำลังกายอย่างปลอดภัยด้วยเทรนเนอร์ส่วนบุคคลและวิทยาศาสตร์การกีฬา อาสาปันสุข (สุขภาพกาย และสุขภาพใจ)
คนไทยมีพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อและการบาดเจ็บเพิ่มสูงขึ้น โดยสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้สำรวจและเล็งเห็นแนวโน้มมาตั้งแต่ปี 2558 พบความชุกของคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน ถึงร้อยละ 30.5 ภาวะอ้วน ร้อยละ 7.5 ภาวะการสูบบุหรี่ ร้อยละ 21.3 และการดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 36.2 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงานและกลุ่มผู้สูงอายุที่ขาดการออกกำลังกายและการบริโภคอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ
วิชาทันตกรรมชุมชนภาคปฏิบัติ : หลักสูตรใส่ใจสุขภาพปากและฟันเพื่อเด็กไทยวันนี้
แม้ประเทศไทยจะมีอัตราการเกิดของเด็กลดน้อยลงเรื่อย ๆ จนต่ำกว่า 600,000 คนต่อปี มาตั้งแต่ปี 2562 แต่ทุกวันนี้ยังคงมีประชากรวัยเด็กมากกว่า 7 ล้านคนที่ภาครัฐยังคงต้องดูแลสุขภาวะด้านต่าง ๆ จากการสำรวจสถานการณ์ฟันผุในเด็กไทยพบว่าปัจจุบัน เด็กไทยเริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน และยังพบเด็กอายุ 3 ปี มีฟันผุเฉลี่ย 3 ซี่ต่อคน