กรณีศึกษา

เปิดภารกิจเครือข่ายมหาวิทยาลัยผู้พิทักษ์ผืนป่าชุ่มน้ำลุ่มน้ำโขง

ระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำทั่วโลก มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของสรรพชีวิต (life supporting system) ที่เชื่อมโยงกันทั้งพืช สัตว์ และจุลินทรีย์หลากชนิด และยังมีคุณค่ากับมนุษย์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคมทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ โดยพื้นที่ชุ่มน้ำยังจัดเป็นนิเวศบริการ (ecosystem services) ที่ส่งมอบนานาประโยชน์จากธรรมชาติสู่มนุษย์หลากหลายด้าน อาทิ แหล่งกักเก็บน้ำและชะลอการไหลของน้ำ กักเก็บธาตุอาหาร ดักจับสารพิษ ป้องกันการพังทลายของชายฝั่ง เป็นแหล่งอนุบาลและแหล่งอาศัยสัตว์น้ำ เป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญของมนุษย์ เป็นเส้นทางคมนาคม ตลอดจนเป็นพื้นที่ศึกษาเรียนรู้และพักผ่อนหย่อนใจ

สำหรับประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำอยู่ราว 36,616.16 ตารางกิโลเมตร หรือ 22,885,100 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 7.5 ของพื้นที่ประเทศไทยทั้งหมด แบ่งเป็นพื้นที่น้ำจืดร้อยละ 44.8 และพื้นที่น้ำเค็มร้อยละ 55.2 ซึ่งพื้นที่ชุ่มน้ำในประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสภาวะถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องจากกิจกรรมพัฒนาและบุกรุกในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากการเกษตร การประมง การขยายตัวของเมือง และการพัฒนาอุตสาหกรรม ทำให้พื้นที่ชุ่มน้ำถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว เฉกเช่นเดียวกับพื้นที่ชุ่มน้ำในเขตลุ่มน้ำโขง ที่แม้ว่าจะยังมีพื้นที่ชุ่มน้ำเหลือแต่กำลังเผชิญกับความเสื่อมโทรมและไม่ได้รับความใส่ใจอนุรักษ์และจัดการอย่างเป็นระบบ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวในข้างต้น จึงแสวงหาแนวทางการฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำแบบองค์รวมโดยร่วมลงนามในข้อตกลงก่อตั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัยและฝึกอบรมด้านพื้นที่ชุ่มน้ำในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (The University Network for Wetland Research and Training in the Mekong Region) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 โดยมีภาคีร่วมก่อตั้ง 8 มหาวิทยาลัย จาก 4 ประเทศ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหิดล, Can Tho University, Nong Lam University, National University – Ho Chi Minh, National University of Laos, Royal University of Agriculture และ Royal University of Phnom Penh เพื่อสร้างองค์ความรู้และเพิ่มขีดความสามารถให้นักวิจัยด้านพื้นที่ชุ่มน้ำรุ่นใหม่ก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญต่อการพิทักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ เสริมสร้างความเข้าใจ เล็งเห็นคุณค่าของพื้นที่ชุ่มน้ำ และตระหนักถึงภัยคุกคามที่จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของลุ่มน้ำโขงทั้งระบบ ซึ่งปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมเครือข่ายรวมกว่า 20 แห่ง และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ ASEAN Regional Center for Biodiversity Conservation, International Crane Foundation, John D and Catherine T MacArthur Foundation, IUCN/UNDP/GEF Mekong Wetland Biodiversity Conservation Program, Rockefeller Foundation, USGS National Wetland Research Center และ Sustainable Mekong Research Network (Sumernet)

เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัยและฝึกอบรมด้านพื้นที่ชุ่มน้ำในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มีภารกิจดำเนินการจัดฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติร่วมกับภาคีเครือข่ายมหาวิทยาลัยในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมไปในแต่ละประเทศ นอกจากนี้ยังได้ถ่ายทอดวิธีการใช้เครื่องมือสำหรับบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำโดยเฉพาะพื้นที่ในสนธิสัญญาแรมซาร์ ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มนํ้าอย่างยั่งยืน และได้แปลเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นภาษาไทย อาทิ แผ่นงานบันทึกข้อมูลพื้นที่ชุ่มน้ำ (Ramsar Site Information Sheet) การประเมินบริการของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างรวดเร็ว (Rapid assessment of wetland ecosystem services) และเครื่องมือประเมินประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพื้นที่แรมซาร์ (Ramsar Site Management Effectiveness Tracking Tool : R-METT) ซึ่งช่วยให้ผู้เข้ารับการอบรมและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้สร้างแนวทางการอนุรักษ์ ติดตามผล และประเมินประสิทธิภาพโครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชุ่มน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยกิจกรรมที่สร้างประโยชน์ล่าสุดของเครือข่ายฯ คือ โครงการ Train-the-trainers Training Course จัดขึ้น เมื่อวันที่ 23 มีนาคม – 7 เมษายน พ.ศ. 2562 ที่ประเทศเวียดนาม โดยตัวแทนมหาวิทยาลัยจาก 4 ประเทศ ทั้งไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ได้ร่วมกันเขียนข้อเสนอโครงการเพื่อนำไปสู่การทำวิจัยระดับนานาชาติ เรื่อง “The role of wetlands in water security for the Mekong region” ศึกษาและติดตามข้อมูลด้านอุทกวิทยาของพื้นที่ชุ่มน้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการใช้ประโยชน์จากบริการของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมถึงสร้างเครื่องมือรูปแบบเกมและสถานการณ์จำลอง (gaming and simulation) เพื่อใช้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกลุ่มต่าง ๆ ในท้องถิ่น นำไปสู่การดำเนินกิจกรรมสำคัญด้านการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำอีกโครงการหนึ่ง คือ “โครงการฝึกอบรมผู้บริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำภายใต้โครงการเสริมสร้างศักยภาพในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศของพื้นที่ชุ่มนํ้าในภูมิภาคลุ่มนํ้าโขงตอนล่าง (Mekong WET)” ภายใต้การดูแลขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ที่มีเป้าหมายช่วยสนับสนุนหน่วยงานในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ให้ดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาแรมซาร์ (the Ramsar Convention)

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังได้นำประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายระดับนานาชาติกลับมาบูรณาการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในรายวิชาปฏิบัติการชีววิทยา สำหรับนิสิตชั้นปีที่ 1 ด้วยเอกสารการประเมินบริการของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างรวดเร็ว โดยให้นิสิตทดลองเป็นผู้พิทักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำด้วยการประเมินบริการของระบบนิเวศในอุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University Centenary Park) ซึ่งจัดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำรูปแบบหนึ่ง เพื่อให้นิสิตนำเสนอแนวทางการบริหารจัดการอุทยานเนื้อที่ 28 ไร่แห่งนี้ให้เกิดความยั่งยืนตามแนวทางของสัญญาแรมซ่าร์

ที่มา:

คณะวิทยาศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:

อื่นๆ

สผ. ร่วมกับ GIZ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หารือผู้เชี่ยวชาญในประเด็นความเสี่ยงของพืชเศรษฐกิจหลัก และข้อเสนอเชิงนโยบาย ด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรของประเทศไทย

เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อผลการวิเคราะห์ประเด็นความเสี่ยงจากปัจจัยคุกคามทางสภาพอากาศต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจหลักในแต่ละพื้นที่ย่อย โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนจากสถาบันการศึกษา และภาครัฐ เข้าร่วมการประชุม

Park @ Siam พื้นที่สีเขียวของจุฬาฯ ใจกลางเมืองเพื่อชุมชน

“Park @ Siam” พื้นที่สีเขียวใจกลางย่านการค้าสยามสแควร์ เป็นสวนสาธารณะแห่งเดียวในย่านการค้าที่มีชื่อเสียง ภายใต้การดูแลและบริหารจัดการโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU)

อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ป่ากลางเมือง พื้นที่สีเขียวเพื่อชุมชนที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้

พื้นที่กว่า 29 ไร่ ของจุฬาฯ อันเกิดขึ้นจากนโยบายการสร้างเมือง GREEN & CLEAN CITY และเพื่อเป็นการตามรอยพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชทานที่ดินให้แก่จุฬาฯ เพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และคืนประโยชน์สู่สังคมส่วนร่วม

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้นิสิตจัดตั้งชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

เพื่อเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save