จากห้องเรียนสู่ผืนป่า: จุฬาฯ ส่งต่อองค์ความรู้ระบบนิเวศสู่ชุมชนและสังคม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษา ที่เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศของประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับพืชและสัตว์ป่าซึ่งเป็นรากฐานหนึ่งของความยั่งยืนในระบบนิเวศ มหาวิทยาลัยได้จัดให้มีโครงการและหลักสูตรด้านระบบนิเวศสำหรับชุมชน ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการอนุรักษ์และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมทั้งการอบรมเชิงปฏิบัติการ และค่ายเยาวชนศึกษาและเรียนรู้ธรรมชาติ ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้ไม่เพียงเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับระบบนิเวศป่าไม้ พรรณพืช และสัตว์ป่าเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลูกจิตสำนึกให้ชุมชนตระหนักถึงคุณค่าของธรรมชาติและร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรอย่างยั่งยืนด้วย
โครงการพัฒนาหลักสูตรด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค และศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ สพภ. จัด “โครงการพัฒนาหลักสูตรด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ” สำหรับผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และประชาชนในท้องถิ่น จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 14 – 16 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมน้ำทองน่าน และสถานีวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีผาสิงห์ (ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการเครือข่ายแห่งจุฬาฯ จังหวัดน่าน) โดยมีนายวสันต์ จารุศังข์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน เป็นประธานกล่าวเปิดงาน รศ.ดร.วิเชฏฐ์ คนซื่อ หัวหน้าภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และที่ปรึกษาศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค กล่าวรายงาน มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน
“โครงการพัฒนาหลักสูตรด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ” จัดขึ้นภายใต้เป้าหมายระดับโลกของกรอบงานคุนหมิง–มอนทรีออล (Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework: GBF) และสอดคล้องกับแนวทาง SDGs ของสหประชาชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหยุดยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี ค.ศ. 2030 พร้อมทั้งสร้างความตระหนัก พัฒนาศักยภาพ และเสริมพลังผู้นำท้องถิ่นและชุมชน ให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่อย่างยั่งยืน การจัดอบรมครั้งนี้ได้แบ่งการอบรมตามกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มประชาชนในท้องถิ่น
รูปแบบกิจกรรมเน้นการบรรยายเชิงวิชาการ Workshop ระดมความคิด และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผ่านประเด็นสำคัญ อาทิ ความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ การวางยุทธศาสตร์และนโยบายท้องถิ่นเพื่อการอนุรักษ์ กรณีศึกษาจากชุมชนที่ประสบความสำเร็จ เวทีพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเคลื่อนที่ “จังหวัดน่านมีดีอะไร?” การสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพในท้องถิ่น ด้วยแอปพลิเคชัน iNatualist
นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และถอดบทเรียนจากกรณีศึกษาต่าง ๆ และวิเคราะห์แนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้กับท้องถิ่นเกี่ยวกับการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพที่ประสบความสำเร็จ
โครงการนี้นับเป็นเวทีสำคัญในการสร้าง “ผู้นำท้องถิ่นหัวใจสีเขียว” ที่จะช่วยขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในระดับพื้นที่ สอดคล้องกับเป้าหมายของกรอบงาน GBF 2030 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของโลก
[ https://www.chula.ac.th/news/239463/ ]


โครงการละอ่อนน่าน เรียน-รู้-รักษ์ป่า สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ปีที่ 5 (การอบรมครั้งที่ 1)

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับคณาจารย์และนิสิตภาควิชาชีววิทยา และภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ จัดกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ละอ่อนน่าน เรียน-รู้-รักษ์ป่า สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ปีที่ 5 ณ ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการเครือข่ายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดน่าน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้เข้าร่วมอบรม เพื่อขับเคลื่อนงานพันธกิจสัมพันธ์เพื่อสังคม และงาน “รักษ์ป่าน่าน” โดยเชื่อมโยงครูเยาวชน ครู ชาวบ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาทำงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของจังหวัดน่านร่วมกัน ผ่านการทำโครงงานการค้นคว้าอิสระของนักเรียนในโรงเรียนเครือข่าย และการวางแปลงถาวรเพื่อศึกษาระบบนิเวศป่าไม้
การอบรบครั้งที่ 1 นี้ประกอบด้วยการอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต และการใช้เทคโนโลยีแอปพลิเคชั่น “iNaturalist” ผ่านการสำรวจและสังเกตสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการฯ ซึ่งแอปพลิเคชั่นนี้จะช่วยในการจำแนกชนิดของสิ่งมีชีวิตเบื้องต้น เพื่อให้น้อง ๆ ได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ถึงความหลากหลายของชนิดพันธุ์ (species diversity) ของสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่นของตนเอง
นอกจากนี้ ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับคาร์บอนสะสมในระบบนิเวศป่าไม้ โดยผ่านสถานการณ์จำลอง เพื่อฝึกให้น้อง ๆ สามารถคำนวณปริมาณคาร์บอนสะสมได้เบื้องต้น และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิตซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการพัฒนาประเทศในอนาคต และนำไปต่อยอดสู่การทำโครงงานวิจัยในรายวิชาการค้นคว้าอิสระได้ต่อไป
กิจกรรมครั้งนี้ มีนักเรียนชั้น ม.4 – ม.6 จาก 4 โรงเรียน ได้แก่ ร.ร.สา, ร.ร.เชียงกลาง“ประชาพัฒนา”, ร.ร.ท่าวังผาพิทยาคม และ ร.ร.ศรัทธาศิลาเพชรรังสรรค์ เข้าร่วมกิจกรรมรวม 83 คน และมีคุณครูจากทั้ง 4 โรงเรียน รวม 7 ท่าน มาช่วยกันดูแลนักเรียน รวมถึงมีนิสิตและอาจารย์จากจุฬาฯ รวม 23 คน
กิจกรรมครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต เพื่อให้นักเรียน คุณครู ชุมชนท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมกันดำเนินกิจกรรม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
[ https://www.facebook.com/share/1EWMuszPbW/ ]


ที่มา :
- คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อื่นๆ
โครงการปทุมวัน Zero Waste: เครือข่ายการจัดการขยะในกรุงเทพมหานคร ช่วยลดขยะเศษอาหารมากกว่า 2,000 ตัน
ความร่วมมือจากโครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเขตปทุม มีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะที่เข้าสู่กระบวนการฝังกลบที่มีมากถึง 207 ตัน/วัน เป็นการนำองค์ความรู้และประสบการณ์จากการจัดการขยะภายในถ่ายทอดสู่ภาคี เครือข่ายภาครัฐ และเอกชน ทำให้ใน 7 เดือนที่ผ่านมาประสิทธิภาพในการลดและแยกขยะภายในเขตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะขยะเศษอาหารที่แยกออกมาได้มีจำนวน 2,148 ตันและถูกจัดการอย่างเหมาะสม ซึ่งถ้าหากขยะเศษอาหารเหล่านี้ปะปนกับขยะอื่น จะสามารถก่อให้เกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงประมาณ 5,456 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
จุฬาฯ ชงแก้ปัญหาขยะทะเลจากบนบก เสนอรัฐคุมใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งในบริการส่งอาหาร (Food Delivery)
ขยะพลาสติกจากธุรกิจส่งอาหารกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมเมืองโดยเฉพาะหลังจากที่ภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ห้ามให้ประชาชนออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน ส่งผลให้ธุรกิจส่งอาหารเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในขณะเดียวกลับสร้างปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลตามมาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดนั่นคือปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมีจำนวนมหาศาล และกลายเป็นขยะทันทีหลังบริโภค
ธนาคารปูม้า เกาะสีชัง ต้นแบบศูนย์เรียนรู้เพิ่มทางรอดปูม้าไทยคืนสู่ท้องทะเลได้ถึงร้อยละ 60
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (2563) มีชาวประมงที่จับปูม้าที่ท้องนอกกระดองมาให้ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบก อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เป็นจำนวน 457 ตัว เพื่อเพาะเป็นลูกปูม้า ปรากฎว่าศูนย์สามารถดูแลปูไข่จนลูกปูม้าถึง 565,219,724 ตัว
เปิดภารกิจเครือข่ายมหาวิทยาลัยผู้พิทักษ์ผืนป่าชุ่มน้ำลุ่มน้ำโขง
ระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำทั่วโลก มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของสรรพชีวิต ที่เชื่อมโยงกันทั้งพืช สัตว์ และจุลินทรีย์หลากชนิด และยังมีคุณค่ากับมนุษย์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคมทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ โดยพื้นที่ชุ่มน้ำยังจัดเป็นนิเวศบริการ ที่ส่งมอบนานาประโยชน์จากธรรมชาติสู่มนุษย์หลากหลายด้าน




