ความร่วมมือระหว่างจุฬาฯ กับองค์กร NGOs เพื่อผลักดันด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Photo by Hannes Kocholl on Unsplash
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือกับองค์กรภายนอกทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อพัฒนาแนวทางและเสริมศักยภาพด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Adaptation) อย่างเป็นรูปธรรม มหาวิทยาลัยได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมร่วมกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGOs) หลายแห่ง เพื่อบูรณาการองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เมืองยั่งยืน และการพัฒนาอย่างครอบคลุมให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในระดับชุมชนและภูมิภาค
IGES และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามข้อตกลงร่วมมือเพื่ออาเซียนที่ยั่งยืนและเท่าเทียม (Sustainable and Inclusive ASEAN)
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 Institute for Global Environmental Strategies (IGES) และ ศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย (Asian Research Center for Migration) สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงนามใน บันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement – MOA) เพื่อริเริ่มความร่วมมือครั้งใหม่ในการขับเคลื่อนความพยายามร่วมกันในด้าน ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาที่เท่าเทียม ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย
ข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งลงนามโดย ศาสตราจารย์คาซูฮิโกะ ทาเคอุจิ ประธาน IGES และ รองศาสตราจารย์ ดร.ภาวิกา ศรีรัตนบัลล์ ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดวางกรอบการทำงานสำหรับการ วิจัยร่วม การเสริมสร้างศักยภาพ และการแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภูมิภาค รวมถึงการปรับตัวและการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน การย้ายถิ่นฐาน และการผนวกประเด็นเพศสภาพและความครอบคลุมไว้ในนโยบายหลัก
“ข้อตกลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นระหว่าง IGES และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยผ่านศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย สถาบันเอเชียศึกษา” ศาสตราจารย์ทาเคอุจิ กล่าว พร้อมเสริมว่า ทั้งสองสถาบันมีเป้าหมายที่จะสร้างองค์ความรู้และแนวทางแก้ไขปัญหาที่สนับสนุนวาระด้านสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาของอาเซียน และมีส่วนร่วมในการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนระดับโลก
รองศาสตราจารย์ ดร.ภาวิกา ศรีรัตนบัลล์ แสดงความเห็นว่า “ด้วยความร่วมมือนี้ เราได้ขยายวาระการทำงานให้ครอบคลุมจุดตัดที่สำคัญระหว่าง สิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ และความครอบคลุม เพื่อให้มั่นใจว่าเสียงของกลุ่มเปราะบาง เช่น สตรี เด็ก ผู้พิการ และชุมชนผู้อพยพ จะไม่เพียงแต่ถูกรับฟัง แต่ยังมีส่วนช่วยในการกำหนดนโยบายอย่างแข็งขัน” ท่านยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือนี้สอดคล้องกับวาระสำคัญของอาเซียนหลายประการ รวมถึงแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอาเซียน (พ.ศ. 2568-2573), แผนงานของคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็ก (ACWC) และกรอบการทำงานของอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครอง เพศสภาพ และความครอบคลุมในการจัดการภัยพิบัติ
พิธีลงนามได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญเข้าร่วม อาทิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัชดา ไชยคุปต์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้แทนประเทศไทยใน ACWC ด้านสิทธิสตรี, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุภัทร จิตเที่ยงรองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ และผู้อำนวยการศูนย์เนลสัน แมนเดลาเพื่อการแก้ไขความขัดแย้ง การป้องกันความรุนแรง และความมั่นคงของมนุษย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้แทนประเทศไทยใน AICHR, ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.อมรา พงศาพิชญ์ อดีตประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และอดีตผู้แทนประเทศไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR), และ ศาสตราจารย์กิตติคุณ สุริชัย หวันแก้ว อดีตผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง เป็นต้น
ทั้ง IGES และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มุ่งมั่นที่จะทำให้ความร่วมมือนี้ก่อให้เกิดการ ดำเนินการที่มีความหมายและเป็นรูปธรรม โดยที่งานวิจัยขับเคลื่อนการปฏิบัติ ความร่วมมือข้ามพรมแดน และการนำความรู้มาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในแนวทางที่ครอบคลุม ยืดหยุ่น และยั่งยืน
ศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย (ARCM) สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย (ARCM) สังกัดสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นศูนย์ความเป็นเลิศที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในด้านงานวิจัยทางสังคมศาสตร์ ศูนย์ฯ ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 2530 ในชื่อศูนย์ข้อมูลผู้ลี้ภัยอินโดจีน โดยมีภารกิจในการทำวิจัยเกี่ยวกับการหลั่งไหลของผู้ลี้ภัยจากกัมพูชา ลาว เวียดนาม และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการลี้ภัยในประเทศไทย ภายหลังจากวิกฤตผู้ลี้ภัยอินโดจีนในประเทศไทยคลี่คลายลงและมีการปิดค่ายผู้ลี้ภัยภายใต้แผนปฏิบัติการที่ครอบคลุม ศูนย์ฯ ได้เริ่มทำการวิจัยเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัยใหม่ ๆ ที่เริ่มปรากฏในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการตระหนักถึงการขยายขอบเขตงานวิจัยนี้ ศูนย์ฯ จึงได้รับการจัดตั้งใหม่เป็นศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชียในปี 2538 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ศูนย์ฯ ได้ขยายขอบเขตงานวิจัยอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันครอบคลุมโครงการเกี่ยวกับการย้ายถิ่นระหว่างประเทศในทุกรูปแบบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นเป็นพิเศษที่ประเทศไทยในฐานะประเทศต้นทาง ปลายทาง และทางผ่าน
[ https://www.iges.or.jp/en/news/20250821 ]
Youth Capacity Workshop: Developing Youth Solutions for Urban Climate Resilience in Design with Climate: Nature-based Solutions Symposium (BKKCAW2025)
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมงาน Bangkok Climate Action Week (BKKCAW) ซึ่งเป็นเทศกาลประจำปีว่าด้วยเรื่องสภาพภูมิอากาศในระดับเมือง โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก London Climate Action Week ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของภาคส่วนอิสระด้านสภาพภูมิอากาศที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นในวันที่ 27-28 กันยายน 2568 เวลา 9:00 – 17:00 น. ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
BKKCAW ส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่กล้าหาญ สร้างสรรค์ และครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคม ผ่านการจัดกิจกรรมสาธารณะ การแสดง นิทรรศการ ห้องปฏิบัติการนโยบาย และโครงการริเริ่มที่นำโดยชุมชน เพื่อร่วมกันจินตนาการถึงความยั่งยืนของเมืองขึ้นใหม่ และสร้างสรรค์อนาคตที่ยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศและเท่าเทียมสำหรับประเทศไทย
งาน BKKCAW ครั้งแรกที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายน 2568 นี้ จะเป็นเวทีสำคัญสำหรับ นวัตกรรมสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย โดยมี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นแกนหลัก และจะนำเสนอ งานสัมมนา Nature-based Solutions ซึ่งเป็นกิจกรรมหลัก ที่จะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ปฏิบัติงาน เพื่อสำรวจกลยุทธ์การปรับตัวที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ส่งเสริมการเสวนาระหว่างสหสาขาวิชา และจัดแสดงงานวิจัยและการออกแบบที่ล้ำสมัย
ในฐานะองค์ประกอบสำคัญของงานสัมมนา Nature-based Solutions ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) จะเป็นผู้นำในการจัด การประชุมเชิงปฏิบัติการนวัตกรรม ในหัวข้อ “Youth Capacity Workshop: Developing Youth Solutions for Urban Climate Resilience” ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่เยาวชนผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านความยืดหยุ่นของเมืองต่อสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย
การประชุมเชิงปฏิบัติการ 2 วันที่เปี่ยมด้วยพลังนี้ จะผสมผสานการแบ่งปันความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อที่หลากหลายเกี่ยวกับความยืดหยุ่นของเมืองต่อสภาพภูมิอากาศ (เช่น เมืองฟองน้ำ (Sponge City), แนวทางแก้ปัญหาวิกฤตความร้อน (Heat Stress), การจัดการน้ำ และการเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศ (climate finance)) เข้ากับ แนวทางการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Approach) ทำให้ผู้เข้าร่วมที่เป็นเยาวชนสามารถออกแบบและนำเสนอโครงการที่นำไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งปรับให้เข้ากับปัญหาเมืองที่เฉพาะเจาะจงในพื้นที่ของตน
ด้วยการเชื่อมโยงความเชี่ยวชาญของ ADB เข้ากับนวัตกรรมของชุมชน การประชุมเชิงปฏิบัติการนี้จะบ่มเพาะผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศในยุคต่อไป พร้อมทั้งเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นโซลูชันที่นำไปใช้ได้จริงและขับเคลื่อนโดยเยาวชน ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BKKCAW ต่อการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศแบบมีส่วนร่วม โดยสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้นำรุ่นใหม่สามารถพัฒนาอนาคตเมืองที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นสำหรับชุมชนของตน ผ่านการแสวงหาความรู้และการประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง
[ https://www.chula.ac.th/en/news/255565/ ]
ที่มา
- สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
จุฬาฯ สร้างยุวมัคคุเทศก์ชาวมอแกน สร้างหลักสูตรต่อลมหายใจวิถีชาวเลอันดามัน
ชาวเล เป็น 1 ใน 56 กลุ่มชาติพันธุ์ของไทย ถือเป็นชาวน้ำที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในพื้นที่ 5 จังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ ระนอง กระบี่ พังงา ภูเก็ต สตูล มีวิถีพึ่งธรรมชาติ จับปลาทำประมงในท้องทะเลเพื่อยังชีพ เชี่ยวชาญการเดินเรือจากการดูทิศทางโดยอาศัยดวงดาวมานานนับร้อยปี
หลักสูตรความรู้และการจัดกิจกรรมรณรงค์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในเรื่องของผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปี 2567-2568
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน ทั้งในแง่ของการเกิดพิบัติภัยจากสภาพอากาศที่รุนแรงโดยตรง และภัยพิบัติอื่น ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ประชาคมโลกได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการแก้ไข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จึงมีการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรม สัมมนา เสวนารวมทั้งกิจกรรมการรณรงค์ที่เกี่ยวข้องกับทั้งเรื่องความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบ การบรรเทา การปรับตัว การลดผลกระทบ และการเตือนภัยล่วงหน้าต่าง ๆ ให้กับประชาชนทั่วไป ชุมชน สังคม และหน่วยงานทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีการรับรู้ และสามารถตอบสนอง รับมือ และปรับตัวเมื่อต่อประสบกับปัญหานี้ได้อย่างเหมาะสม
จุฬาฯ กับการเข้าถึงทรัพยากรทางการศึกษาอย่างเพียงพอ และเท่าเทียมสำหรับทุกคน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมุ่งมั่นส่งเสริมการเข้าถึงความรู้ของสังคมในวงกว้าง โดยเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ศึกษาในระบบของมหาวิทยาลัยสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้อย่างเสรีและทั่วถึง ผ่านหลักสูตรออนไลน์แบบเปิดในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น CHULA MOOC, CU NEURON หลักสูตรระยะสั้นและกิจกรรมอบรมที่มีประกาศนียบัตรแก่ผู้เรียนเมื่อเรียนผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย
จุฬาฯ หวังเพิ่มประชากรเต่าทะเล หนุนตั้งเครือข่ายคุ้มครองแหล่งวางไข่ในอ่าวไทย
จำนวนเต่าทะเลในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 แม้รัฐบาลจะประกาศใช้กฎหมาย กำหนดเขตหวงห้าม ประกาศขึ้นทะเบียนเต่าทะเลในบัญชีรายชื่อของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งพันธุ์พืชป่าและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และพยายามสำรวจและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งอาศัยของเต่าทะเล เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในการอนุรักษ์เต่าทะเลก็ตาม แต่จำนวนของเต่าทะเลในประเทศไทยยังคงลดลงจนใกล้ถึงจุดวิกฤต จากจำนวนมากกว่า 2,500 รังต่อปี เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงปีละ 300-400 รังต่อปี เท่านั้น







