กรณีศึกษา

หลากหลายกิจกรรมการศึกษาเพื่อสร้างความยั่งยืนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จัดสู่ชุมชนและสังคมปี 2567-2568

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษา มุ่งเน้นใช้องค์ความรู้ที่มีหลากหลายศาสตร์ในการพัฒนาชุมชนและสังคมให้ดีขึ้น การดำเนินการด้านหนึ่งของมหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมด้านการศึกษาให้กับสังคมในวงกว้างทั้งกับกลุ่มศิษย์เก่า ประชาชนทั่วไป ผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ผู้พลัดถิ่นเพื่อให้ส่งเสริมให้คนทุกกลุ่มมีความรู้ในการดูแลตนเอง และสามารถเป็นกำลังคนที่มาช่วยในการพัฒนาชุมชนและสังคมต่อไปได้ รวมทั้งเป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วย

ตัวอย่างโครงการและการดำเนินงานในช่วงปี 2567-2568

โครงการอบรมครูฝึกอบรม เพื่อการให้บริการสังคมอย่างมีส่วนร่วมในโลกไร้พรมแดน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสำนักบริหารวิรัชกิจและเครือข่ายนานาชาติ ศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย สถาบันเอเชียศึกษา ศูนย์การศึกษาทั่วไป และคณะศิลปกรรมศาสตร์ ร่วมกับ สถาบัน INEB, Civic Engagement 4.0 – Dignity, Justice, Sustainability ได้จัดโครงการอบรมครูเพื่อการให้บริการสังคมอย่างมีส่วนร่วมในโลกไร้พรมแดน โดยมีครูชาวเมียนมาที่ทำงานในศูนย์การเรียนรู้ของผู้อพยพในแม่สอด ประเทศไทย จำนวน 18 คน เข้าร่วมการอบรมในระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม และ 23-25 สิงหาคม 2567 ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนแนวทางการสอนและการจัดกิจกรรมในห้องเรียนรูปแบบใหม่ อันช่วยเพิ่มพูนความเข้าใจ ความซาบซึ้งระหว่างชาติและระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ รวมทั้งยังเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและสร้างกิจกรรมระหว่างประเทศและหลายภาคส่วน เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในเอเชีย

[ https://inebinstitute.org/senslibretto/ ]

โครงการการจัดการองค์ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการสืบพันธุ์สัตว์เคี้ยวเอื้องขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มศักยภาพกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงในพื้นที่จังหวัดน่าน

อ.สพ.ญ.ดร.ศราวณี ขันมณี จากสำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการ พร้อมทีมนักวิจัย โดยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดทำโครงการการจัดการองค์ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการสืบพันธุ์สัตว์เคี้ยวเอื้องขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มศักยภาพกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงในพื้นที่จังหวัดน่าน ให้เกษตรกรสามารถเข้าใจและเข้าถึงเทคโนโลยีพร้อมใช้ ในการผสมเทียมในแพะ-แกะ เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ ตามความต้องการ ข้อจำกัดด้านต้นทุน ทรัพยากรของชุมชน และบริบทของพื้นที่ที่แตกต่างกัน โดยโครงการนี้ได้รับการคัดเลือกเป็น “ตัวอย่างผลงาน KM มิติการใช้ประโยชน์เชิงชุมชน สังคม” ในมิติด้านการเกษตร จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และเป็นตัวอย่างผลงาน KM มิติการใช้ประโยชน์เชิงชุมชน สังคม ของงาน “NRCT OPEN HOUSE 2024”  [ https://www.cusar.chula.ac.th/post-bc/2767-2/ ]

ค่ายวิศวพัฒน์ : การพัฒนาชุมชนตามแนวพระราชดำริ ด้วยพลังแห่งวิศวกรรมและจิตอาสา

ค่ายวิศวพัฒน์ เป็นโครงการค่ายอาสาพัฒนาชนบทของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ภายใต้การดูแลของ รองศาสตราจารย์ ดร.สรรเพชญ ชื้อนิธิไพศาล อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสำรวจ เพื่อส่งเสริมให้นิสิตได้นำความรู้ทางวิศวกรรมไปพัฒนาและแก้ปัญหาของชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก พระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของประชาชน

ค่ายวิศวพัฒน์เริ่มต้นจากความร่วมมือระหว่างจุฬาฯ และ มูลนิธิรากแก้ว เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้นอกห้องเรียน ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่ โดยเลือกดำเนินงานใน บ้านเชตวัน ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ซึ่งประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง โครงการเริ่มจากการสร้างฝายต้นน้ำในปี พ.ศ. 2561 เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง จนสามารถพัฒนาเป็นระบบนำน้ำและประปาชุมชนครบวงจร มีการต่อยอดสร้างฝายเพิ่มเติม ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และศูนย์เรียนรู้บ้านดินในปี พ.ศ. 2566–2568

ตลอดระยะเวลา กว่าสิบปี (พ.ศ. 2559–2568) โครงการได้พัฒนาพื้นที่เขาหัวโล้นให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ เปลี่ยนระบบเกษตรเชิงเดี่ยวกว่า 100 ไร่ให้กลายเป็นพืชผสมผสาน สร้างรายได้เพิ่มให้กับชาวบ้าน พร้อมทั้งปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมและการพึ่งพาตนเอง โครงการยังเปิดโอกาสให้นิสิต ศิษย์เก่า และประชาชนในพื้นที่ร่วมกันคิด วางแผน และปฏิบัติ จนกลายเป็นตัวอย่างของการจัดกิจกรรมด้านการศึกษาที่ขยายสู่สังคมในวงกว้าง

ความสำเร็จนี้ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ โดยได้รับรางวัลชนะเลิศจาก “2023 Rakkaew Foundation National Exposition : University Sustainability Showcase” ตอกย้ำบทบาทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษาที่สร้างการเรียนรู้เพื่อสังคมอย่างแท้จริง ผ่านการบูรณาการความรู้ ความร่วมมือ และจิตอาสาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

[ https://www.intaniamagazine.com/vidvapath-camp/ ]

โครงการ Chula Engineering สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning)

โครงการ Chula Engineering สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) จัดโดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ) ณ กรุงเทพฯ เป็นโครงการที่เปิดในรอบที่ 2 ของปี พ.ศ. 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้บุคลากรและผู้สนใจจำนวนมาก ได้มีโอกาส “เรียนรู้ตลอดชีวิต” (Lifelong Learning) โดยเฉพาะการ Reskill และ Upskill เพื่อเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงขององค์ความรู้ในโลกยุคปัจจุบันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในโครงการนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์เปิดหลักสูตรเฉพาะจำนวนหนึ่งให้แก่ นิสิต บุคลากรทางการศึกษา และบุคคลทั่วไปที่สนใจ เพื่อให้สามารถเลือกรับการเรียนเป็นรายวิชาในรูปแบบโมดูลได้ (Modules) ผู้เรียนเมื่อครบตามข้อกำหนดจะได้รับ “ประกาศนียบัตรรับรองการเข้าร่วมอบรม” ส่วนผู้ที่ต้องการนำผลการเรียนไปสะสมหน่วยกิตเข้าสู่ระบบคลังหน่วยกิต (Credit Bank) เพื่อนำเทียบโอนเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรปริญญาโทเต็มเวลาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ได้ด้วย

ตัวอย่างของรายวิชาที่เปิดรับสมัคร ได้แก่ “ไวน์ศึกษาสำหรับผู้ประกอบการ (Wine Education For Entrepreneur)” และ “การจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติ เบื้องต้น (Fundamental Risk and Disaster Management)” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเนื้อหามีความหลากหลายและเชื่อมโยงกับความรู้ที่ใช้งานได้จริงทั้งทางธุรกิจและสังคม 

การจัดโครงการนี้จึงชี้ให้เห็นว่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ไม่ได้จำกัดบทบาทไว้เพียงการผลิตบัณฑิตในหลักสูตรปกติเท่านั้น แต่ยังเปิดพื้นที่ทางการศึกษาให้กับ บุคคลทั่วไป ซึ่งรวมถึงผู้ที่อาจเคยเป็นนิสิต/ศิษย์เก่า (Alumni) ผู้ที่อยู่ในท้องถิ่น หรือแม้แต่ผู้ที่อยู่ในสถานะพลัดถิ่น (เพราะสามารถเลือกเรียนเป็นโมดูลตามความสนใจได้) จึงเป็นการขยายการให้บริการทางการศึกษาไปยัง “สังคมในวงกว้าง” อันคือชุมชนภายนอกมหาวิทยาลัยอย่างชัดเจน

[ https://www.eng.chula.ac.th/th/academics/lifelong-learning-program ]

AIS x ชมรมค่ายอาสาพัฒนาชาวไทยภูเขา จุฬาฯ จัดค่ายอาสา “เคียงดอย คอยฝนเคล้า ณ แม่โมงเย้า”

กิจกรรมค่ายอาสา “เคียงดอย คอยฝนเคล้า ณ แม่โมงเย้า” เป็นการรวมพลังระหว่าง AIS ร่วมกับนิสิตจากชมรมค่ายอาสาพัฒนาชาวไทยภูเขา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กว่า 30 คน ในการลงพื้นที่ทำกิจกรรม ณ โรงเรียนบ้านแม่โมงเย้า ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ภายใต้โครงการ Green Energy Green Network for THAIs เป็นระยะเวลากว่า 1 สัปดาห์ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 ผ่าน 3 กิจกรรมที่ ‘สร้าง-สอน-เสริม’ ประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่ ดังนี้

  • สร้าง และปรับปรุงโรงเรียน ช่วยเติมเต็มการศึกษาโรงเรียนบ้านแม่โมงเย้าให้มีพื้นที่ในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ รวมถึงสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์ม ห้องสมุดดิจิทัล (Digital Library) ที่มีหนังสือมากกว่า 500 เล่ม
  • สอน การใช้งานห้องสมุดดิจิทัลให้กับครูและนักเรียน รวมถึงแบ่งปันองค์ความรู้และทักษะใหม่ ๆ เพื่อให้เท่าทันโลกในยุคดิจิทัล อาทิ การขายของออนไลน์
  • เสริม โอกาส สร้างความเท่าเทียม ส่งต่อวิถีชีวิต อาชีพท้องถิ่นและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ให้เกิดการสร้างรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

[ https://investor-th.ais.co.th/news.html/id/2563232/group/newsroom_press ]

(ภาพ: AIS)

โครงการสร้างความเข้มแข็งระบบนิเวศทางวัฒนธรรมจังหวัดน่าน เพื่อรองรับสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน

คณะศิลปกรรมศาสตร์ ร่วมกับวิทยาลัยประชากรศาสตร์ และศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค (ศคภ.) จัด “โครงการสร้างความเข้มแข็งระบบนิเวศทางวัฒนธรรมจังหวัดน่าน เพื่อรองรับสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน” เพื่อร่วมกันศึกษาและฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมของท้องถิ่นควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชน ณ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 9–15 มิถุนายน 2568

หัวใจของโครงการมุ่งเน้นการอนุรักษ์ “วัฒนธรรมดนตรีกรุ่งของชาวกึมมุ (ขมุ)” ซึ่งกำลังเลือนหายไปตามการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทีมวิจัยจากจุฬาฯ ได้บูรณาการข้อมูลเชิงประชากร เช่น สัดส่วนผู้สูงอายุ การย้ายถิ่น และอัตราการเกิด เข้ากับข้อมูลด้านศิลปวัฒนธรรม เพื่อสร้างฐานข้อมูลและแผนที่ชุมชนในรูปแบบดิจิทัล ใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืน

กิจกรรมภาคสนามครอบคลุมการเก็บข้อมูลจาก 90 ครัวเรือน รวมประชากร 314 คน พร้อมจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่ผู้นำท้องถิ่น ครู และนักเรียน จำนวน 32 คน เพื่อเสริมทักษะด้านการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนฝึกใช้เทคโนโลยีในการออกแบบแผนที่ดิจิทัลของชุมชน ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ทั้งจากนักวิชาการและจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งช่วยให้คนในพื้นที่สามารถเป็นเจ้าขององค์ความรู้และบริหารจัดการข้อมูลได้ด้วยตนเอง

นอกจากการส่งเสริมศักยภาพของชุมชนแล้ว โครงการยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่กับผู้สูงอายุ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมดนตรีพื้นบ้านที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์ขมุ การเรียนรู้ร่วมกันในลักษณะนี้ช่วยให้ผู้สูงอายุมีบทบาทในฐานะ “ครูภูมิปัญญา” ขณะเดียวกันก็ปลูกฝังจิตสำนึกอนุรักษ์ให้กับเยาวชนในท้องถิ่น

โครงการดังกล่าวสะท้อนพันธกิจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการเป็น “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม” ที่ใช้พลังทางวิชาการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้แก่ชุมชนวงกว้าง ทั้งในด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรม การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเตรียมพร้อมรับมือกับสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน

[ https://www.chula.ac.th/news/243735/ ]

ที่มา

  • คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • สำนักบริหารวิรัชกิจและเครือข่ายนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อื่นๆ

การส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงแพะและผลิตภัณฑ์จากน้ำนมแพะ ในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

ในพื้นที่ในเขตมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีนั้น ผู้ที่ผ่านไปมาอาจจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของภาพข้างทางใหม่ๆ แทนที่จะได้เห็นโคนมในโรงเลี้ยง หรือในไร่ แต่กลับจะเป็นฝูงแพะแทน เนื่องจากเกษตรกรแถบนี้ได้เริ่มเปลี่ยนแนวของอาชีพจากการเลี้ยงโคนมมาทำการเลี้ยงแพะนมมากขึ้น ด้วยเหตุผล คือ ขาดผู้รับช่วง ต้นทุนการเลี้ยงแพะนมต่ำกว่าโคนม ใช้พื้นที่น้อยกว่า และการดูแลที่ไม่ยุ่งยาก

วิชาทันตกรรมชุมชนภาคปฏิบัติ : หลักสูตรใส่ใจสุขภาพปากและฟันเพื่อเด็กไทยวันนี้

แม้ประเทศไทยจะมีอัตราการเกิดของเด็กลดน้อยลงเรื่อย ๆ จนต่ำกว่า 600,000 คนต่อปี มาตั้งแต่ปี 2562 แต่ทุกวันนี้ยังคงมีประชากรวัยเด็กมากกว่า 7 ล้านคนที่ภาครัฐยังคงต้องดูแลสุขภาวะด้านต่าง ๆ จากการสำรวจสถานการณ์ฟันผุในเด็กไทยพบว่าปัจจุบัน เด็กไทยเริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน และยังพบเด็กอายุ 3 ปี มีฟันผุเฉลี่ย 3 ซี่ต่อคน

กล่องรอดตาย – หอผู้ป่วยเสมือน

COVID-19 เป็นโรคระบบทางเดินหายใจสามารถทำให้เกิดอาการได้หลากหลาย ตั้งแต่ไม่แสดงอาการ ไปจนถึงเสียชีวิตได้ อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ มีไข้ ไอ และอ่อนเพลีย สำหรับผู้ป่วยที่มีอายุมากหรือเป็นโรคอื่นๆ อยู่ เช่น เบาหวาน มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง

ค่ายวิศวพัฒน์ ส่งต่อองค์ความรู้การจัดการน้ำสู่ชุมชนเพื่อความยั่งยืน

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย 12 ภาควิชา รวมถึง ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสำรวจ และวิศวกรรมแหล่งน้ำ พร้อมด้วยคณาจารย์ผู้ทรงความรู้ ถือเป็นแหล่งบ่มเพาะองค์ความรู้ที่สำคัญทางการชลประทานที่พร้อมถ่ายทอดสู่นิสิต นำไปสู่การฝึกปฏิบัติจริงในการแก้ปัญหาด้านการจัดการน้ำให้กับชุมชนห่างไกล ผ่านค่ายวิศวพัฒน์ ซึ่งเป็นโครงการค่ายวิศวกรรมอาสาพัฒนาชนบทที่พร้อมปลูกฝังความเป็นผู้นำทั้งในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมให้แก่นิสิตจิตอาสาที่เข้าร่วมค่าย

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save