ความร่วมมือกับ NGOs เพื่อจัดการงานด้าน SDGs ผ่านหลากหลายโครงการและกิจกรรมของจุฬาฯ ปี 2567-2568
Photo by Vardan Papikyan on Unsplash
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) ในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยบูรณาการการทำงานระหว่างภาควิชาการและภาคสังคม ผ่านโครงการและกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ทั้งด้าน โครงการอาสาพัฒนานิสิต การดำเนินงานวิจัยเพื่อการพัฒนา และการสร้างองค์ความรู้และสื่อการเรียนรู้ เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน
จุฬาฯ ได้ร่วมมือกับเครือข่ายองค์กรไม่แสวงหากำไรทั้งในระดับชาติและนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นสำคัญ เช่น การลดความเหลื่อมล้ำ การศึกษาเพื่อความเท่าเทียม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้นิสิต คณาจารย์ และบุคลากรมีส่วนร่วมเป็นพลังสำคัญในการสร้างสังคมที่ดีและยั่งยืนร่วมกับทุกภาคส่วน
เวทีเยาวชนเอเชียแปซิฟิกครั้งที่ 1 รวมพลังหนุ่มสาวกว่า 220 ชีวิตและพันธมิตร เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 การประชุมเวทีเยาวชนเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Youth Development Forum – APYDF) ประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร ได้ปิดฉากลงอย่างงดงาม โดยรวบรวมเยาวชน รัฐบาล ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และพันธมิตรด้านการเสริมพลังเยาวชนจาก 23 ประเทศ รวมกว่า 220 คน
ภายใต้หัวข้อ “การสร้างเมืองที่ยั่งยืนและระบบอาหารที่ยืดหยุ่น” (Building Sustainable Cities and Resilient Food Systems) เวทีนี้ได้เป็นแพลตฟอร์มสำคัญให้แก่นักนวัตกรรมรุ่นใหม่ในการนำเสนอโซลูชันที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อรับมือกับความท้าทายเร่งด่วนที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขยายตัวของเมืองในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
กิจกรรมสองวันเต็มไปด้วยการเสวนาที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการจ้างงานและการเป็นผู้ประกอบการสีเขียว รวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยผู้เข้าร่วมได้เสนอข้อแนะนำเพื่อส่งเสริมความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศและสร้างความมั่นคงทางอาหาร หัวใจสำคัญของงานคือการนำเสนอโซลูชันที่ขับเคลื่อนโดยเยาวชน เพื่อพลิกโฉมเมืองให้กลายเป็นสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและน่าอยู่ โครงการริเริ่มเหล่านี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเน้นที่การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมและความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ชุมชนเปราะบาง รวมถึงเยาวชนที่ด้อยโอกาสต้องเผชิญ
APYDF 2024 ตอกย้ำถึงความสำคัญของ ความร่วมมือและการเป็นหุ้นส่วนจากหลายภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Transition) ซึ่งจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมที่มีความหมายของเยาวชน การสร้างงานสีเขียว การส่งเสริมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และการดำเนินการตามนโยบายและแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค
เวทีนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), สหพันธ์เยาวชนจีนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (ACYF), กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของประเทศไทย, สำนักเลขาธิการเวทีเยาวชนโลกเพื่อการพัฒนา (WYDF Secretariat) และพันธมิตรหลัก อาทิ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP), องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO), กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มูลนิธิเอเชีย-ยุโรป (ASEF)
จุฬาฯ ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อน SDGs สู่การปฏิบัติจริง ผ่านพันธกิจ “น้ำใจน่าน”
ในภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้แสดงบทบาทนำในฐานะสถาบันการศึกษาที่ไม่เพียงมุ่งเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่ยังยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการ “น้ำใจน่าน: นิสิตจุฬาฯ รวมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคม 2024 ณ จังหวัดน่าน
โครงการนี้สะท้อนภาพความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนระหว่างสถาบันการศึกษาและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NPO) โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งนำโดยสำนักบริหารกิจการนิสิตและศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค ได้ผนึกกำลังกับ มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือฉุกเฉิน ทั้งอาหาร เวชภัณฑ์ และที่พักพิง ให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
สิ่งที่ทำให้โครงการนี้เป็นมากกว่าการบรรเทาทุกข์ทั่วไป คือการบูรณาการเข้ากับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติอย่างแยบยล โดยอาศัยกลไกหลักของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อน ได้แก่ โครงการอาสาสมัครนักศึกษา ซึ่งในครั้งนี้ประกอบด้วยนิสิตไทยและนิสิตต่างชาติรวม 33 คน โครงการนี้ไม่เพียงตอบสนองต่อ SDG 2 (Good Health and Well-being) และ SDG 10 (Reduced Inequalities) ผ่านการแจกจ่ายสิ่งของ แต่ยังเน้นการมีส่วนร่วมกับชุมชนและการสนับสนุนทางอารมณ์
นอกจากนี้ ยังมีการใช้กระบวนการ วิจัยภาคสนาม โดยทีมงานได้รวบรวมข้อมูลเพื่อวางแผนการฟื้นฟูในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับ SDG 11 (Sustainable Cities and Communities) ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยยังใช้โครงการนี้เป็นเครื่องมือในการ พัฒนาทรัพยากรด้านการศึกษา (สอดคล้องกับ SDG 4: Quality Education) โดย รศ. ดร. สุกัญญา สมพิบูรณ์ ระบุว่า นี่คือโอกาสให้นิสิตได้ “สัมผัสโลกแห่งความเป็นจริง” พัฒนาทักษะการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม และปลูกฝัง “ทัศนคติการกุศล” (Philanthropic Mindset)
โครงการ “น้ำใจน่าน” จึงเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกำลังใช้วิสัยทัศน์ในการสร้างพลเมืองโลกที่รับผิดชอบต่อสังคม โดยอาศัยความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย NPO เพื่อแปลงพันธกิจด้าน SDGs จากหน้ากระดาษสู่การปฏิบัติจริงที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมอย่างยั่งยืน [ https://www.chula.ac.th/en/news/196365/ ]
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจับมือหน่วยงานหลัก เดินหน้าวิจัยและอนุรักษ์สัตว์ป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDGs) โดยเฉพาะ เป้าหมายที่ 15: การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน (Life on Land) ผ่านความร่วมมือด้านการวิจัยและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 มหาวิทยาลัยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ณ อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการบูรณาการระหว่างสถาบันการศึกษาและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและคุ้มครองสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยจุฬาฯ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, ขณะที่กรมอุทยานฯ และองค์การสวนสัตว์ฯ สนับสนุนข้อมูลและตัวอย่างชีวภาพจากภาคสนาม ส่วน สวทช. โดยศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีโอมิกส์ ให้การสนับสนุนด้านนวัตกรรมชีวภาพขั้นสูง เช่น จีโนมิกส์ โปรตีโอมิกส์ และเมแทบอลโลมิกส์ เพื่อใช้วิเคราะห์ความหลากหลายทางพันธุกรรม วางแผนการเพาะพันธุ์ และพัฒนาการดูแลสัตว์ป่าอย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรสาธารณประโยชน์ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรมผ่านงานวิจัย นวัตกรรม และการพัฒนาทางการศึกษา อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้นิสิตและนักวิจัยได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์ การศึกษาภาคสนาม และโครงการอาสาสมัครทางวิทยาศาสตร์ เพื่อปลูกจิตสำนึกและสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ความร่วมมือนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการวิทยาศาสตร์ การศึกษา และความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อรักษามรดกธรรมชาติของประเทศไทยและส่งเสริมสมดุลของระบบนิเวศในระยะยาว [ https://www.chula.ac.th/en/news/223953/ ]

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจับมือ IGES ญี่ปุ่น พัฒนานโยบายสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างครอบคลุม
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย สถาบันเอเชียศึกษา (Institute of Asian Studies) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Institute for Global Environmental Strategies (IGES) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)โดยการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนานโยบายสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเมืองยั่งยืน (Sustainable Urban Development Policy) ในภูมิภาคอาเซียน
ความร่วมมือนี้ครอบคลุม การวิจัยและพัฒนานโยบายด้าน Climate Resilience และ Circular Economy การจัดประชุมเชิงนโยบายระดับภูมิภาค (Regional Policy Dialogue) การสร้างฐานข้อมูลสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลในอาเซียน
โครงการนี้แสดงถึงการมีส่วนร่วมโดยตรงในการพัฒนานโยบายด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาค (direct involvement in regional SDG policy development) ครอบคลุมทั้งการชี้ให้เห็นปัญหาและวิเคราะห์ความท้าทาย (identifying problems and analyzing challenges) การร่วมพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบาย (co-developing strategies and policies) และการสนับสนุนการบริหารเชิงปรับตัว (supporting adaptive management) [ https://www.iges.or.jp/en/news/20250821 ]
ที่มา
- สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สำนักบริหารวิรัชกิจและเครือข่ายนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสาธารณะตลอดปีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 2567-2568
ด้วยความมุ่งมั่นให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตสาธารณะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงกิจกรรมเหล่านี้ได้ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา ความทุพพลภาพ หรือเพศ จึงได้ดำเนินการจัดโครงการและกิจกรรมสาธารณะด้านวิชาการ การถ่ายทอดความรู้ และการฝึกอบรมสายอาชีพสำหรับประชาชนอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี
เปิดภารกิจเครือข่ายมหาวิทยาลัยผู้พิทักษ์ผืนป่าชุ่มน้ำลุ่มน้ำโขง
ระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำทั่วโลก มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของสรรพชีวิต ที่เชื่อมโยงกันทั้งพืช สัตว์ และจุลินทรีย์หลากชนิด และยังมีคุณค่ากับมนุษย์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคมทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ โดยพื้นที่ชุ่มน้ำยังจัดเป็นนิเวศบริการ ที่ส่งมอบนานาประโยชน์จากธรรมชาติสู่มนุษย์หลากหลายด้าน
กล่องรอดตาย – หอผู้ป่วยเสมือน
COVID-19 เป็นโรคระบบทางเดินหายใจสามารถทำให้เกิดอาการได้หลากหลาย ตั้งแต่ไม่แสดงอาการ ไปจนถึงเสียชีวิตได้ อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ มีไข้ ไอ และอ่อนเพลีย สำหรับผู้ป่วยที่มีอายุมากหรือเป็นโรคอื่นๆ อยู่ เช่น เบาหวาน มีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรง
บทบาทเชิงรุกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการกำหนดนโยบายการพัฒนา เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับชาติและระดับภูมิภาค
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การมีส่วนร่วมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในกระบวนการพัฒนาและกำหนดนโยบาย ด้านความยั่งยืน ของหน่วยงานภาครัฐ หรือ องค์กรนอกภาครัฐระดับภูมิภาค ไม่ใช่เพียงบทบาททางวิชาการหรือวิจัย แต่ยังรวมถึงบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ในฐานะผู้ร่วมให้ข้อคิดเห็นชี้ปัญหาและวิเคราะห์ความท้าทาย การร่วมพัฒนายุทธศาสตร์และนโยบาย การจำลองสถานการณ์อนาคต การติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน ไปจนถึงการสนับสนุนการบริหารเชิงปรับตัว









