กรณีศึกษา

UDDC ฟื้นฟูเมือง เพื่อความยั่งยืนและสุขภาวะของประชาชน

ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง หรือ Urban Design and Development Center (UddC) เป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเมือง ภายใต้ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CE.US) ได้จัดทำข้อเสนอในการวางผังยุทธศาสตร์ภาพใหญ่ของจังหวัดให้รองรับต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเมืองรองภิวัฒน์ เพื่อฟื้นฟูขีดความสามารถของระยองในการเเข่งขันระดับนานาชาติและการพัฒนาพื้นที่เมืองเก่าระยอง ด้วยแนวคิดในการฟื้นฟูเมืองผ่านกระบวนการวางแผนแบบมีส่วนร่วม สร้างความสมดุลระหว่างการวางแผนแบบ ปรึกษาหารือกับการวางแผนยุทธศาสตร์ระหว่างกลุ่มภาคีและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญ โดยใช้เครื่องมือกระบวนการสร้างภาพอนาคตเพื่อให้ได้แนวทางในการฟื้นฟูย่านเมืองเก่าระยองที่พร้อมสู่กระบวนการพัฒนาแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างยั่งยืน

จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2550 พบว่า พื้นที่ที่ครอบครองโดยเอกชนประมาณ 180,000 ไร่ (18% ของพื้นที่กรุงเทพฯ) เป็นพื้นที่ว่าง ขาดการใช้ประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จากทางภาครัฐที่ยังไม่ได้นำมาใช้ เช่น มักกะสัน 500 ไร่ โรงงานยาสูบ 600 ไร่ คลองเตย 2,500 ไร่ รวมไปถึงพื้นที่ใต้ทางด่วนยกระดับกว่า 600 ไร่ ที่สามารถนำมาปรับปรุงฟื้นฟูให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางได้ เมื่อคำนวณพื้นที่ใต้ทางด่วนของกรุงเทพฯ พบว่า พื้นที่ใต้ทางด่วนในเมืองทั้งหมดมีประมาณ 1,577 ไร่ และมีพื้นที่ว่างที่ไม่ถูกพัฒนาถึง 42.26% หรือประมาณ 666 ไร่  UddC จึงเล็งเห็นถึงการพลิกวิกฤติให้เกิดโอกาส โดยการใช้การออกแบบในการพลิกฟื้นพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างดังกล่าว ให้เกิดความสอดคล้องกับบริบทเมือง เพื่อส่งเสริมศักยภาพของการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยรอบ ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างการใช้ประโยชน์พื้นที่เมืองเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างมีคุณภาพ ภายใต้กรอบแนวคิดใหญ่ 3 ประการ คือ 

1) การเชื่อมโยงพื้นที่ใต้ทางด่วนให้เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเมืองและยังเป็นการส่งเสริมการสร้างทางเลือกในการเดินทางเข้าสู่ย่านกลางเมืองโดยใช้จักรยานและการเดินเท้า 

2) เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง เพื่อช่วยปรับสภาพอากาศลดอุณหภูมิของพื้นที่ ลดมลภาวะจากการจราจรและการสร้างความเชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวเดิมของเมืองให้เกิดเป็นโครงข่ายสีเขียว

3) การสร้างพื้นที่เพื่อรองรับกลุ่มกิจกรรมที่หลากหลายแตกต่างกันตามทำเลที่ตั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และกิจกรรมทางสังคมให้กับพื้นที่ และส่งเสริมเศรษฐกิจให้ชุมชนอย่างยั่งยืน

UddC ได้มีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นได้ตามศักยภาพของพื้นที่นั้นๆ ทั้งนี้พื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ มีหลากหลายบุคลิก เช่น ย่านเก่าที่มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม อย่างคลองสาน ตลาดน้อย เยาวราช, ย่านราชการ อย่างพื้นที่เขตดุสิต, ย่านพาณิชยกรรม สีลม สาทร ซึ่งเป็นย่านเก่าที่สำคัญ และย่านที่อยู่อาศัย การวางแผนฟื้นฟูเมืองจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในแต่ละย่านให้ดีขึ้น

“เมืองเดินได้ เมืองเดินดี” (GoodWalk) : พัฒนาพื้นที่สาธารณะส่งเสริมสุขภาวะ เพื่อเป็น “ทุนสุขภาพ” ให้คนทุกวัย

กรุงเทพมหานครยังมีศักยภาพในการพัฒนาโครงข่ายพื้นที่สีเขียว และนำมาออกแบบเพื่อยกระดับสุขภาวะให้คนเมืองได้ เช่น โครงสร้างทิ้งร้างและพื้นที่ใต้ทางด่วน เฉพาะใจกลางพื้นที่ กทม. พบว่า มีพื้นที่ดังกล่าวมากกว่า 600 ไร่ หรือเท่ากับ 2 เท่าของขนาดสวนลุมพินี หากโครงสร้างทิ้งร้างและพื้นที่ใต้ทางด่วนได้รับการพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียว จะส่งผลให้การเข้าถึงสาธารณูปการสำหรับสุขภาพมีเพิ่มมากขึ้น

ผศ.ดร. นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) ได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในการพัฒนาโครงการ “เมืองเดินได้ เมืองเดินดี” (GoodWalk) โดยใช้แนวคิด “เมืองออกแบบได้” เน้น “การออกแบบเมืองที่เป็นมิตรกับคนสูงวัย” ซึ่งเป็นมาตรฐานการออกแบบอาคารและพื้นที่สาธารณะทั่วโลก หากสิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันคือ การออกแบบเมืองสำหรับคนที่ยังไม่แก่ เพื่อเตรียมความพร้อมให้คนเหล่านี้แก่อย่างมีคุณภาพ (Active Ageing) เมืองต้องสร้าง “วัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่ดี” ที่ส่งเสริมให้คนสะสม “ทุนสุขภาพ” ไว้ใช้ตอนแก่

“ฟื้นโครงสร้างไร้ชีวิต สู่การใช้ประโยชน์ใหม่ที่ตอบโจทย์คน 2 ฝั่ง”

พื้นที่กรุงเทพมหานคร แม้ว่าจะเป็นพื้นที่แออัด แต่แท้จริงแล้ว กทม. มีพื้นที่ศักยภาพมากมาย ที่สามารถนำมาออกแบบเพื่อยกระดับสุขภาวะคนในเมืองได้ หนึ่งในพื้นที่ดังกล่าวคือ พื้นที่กรรมสิทธิ์ของรัฐที่มีการใช้งานต่ำ (under-utilized) เช่น โครงการสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา (โครงการสะพานด้วน) จากการฟื้นฟูรางรถไฟฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สร้างไม่เสร็จและไม่ได้ใช้ประโยชน์ เป็นทางเดิน-ทางจักรยานสีเขียวข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย ดึงดูดให้คนออกมาเดินเล่น และชมทัศนียภาพบนสะพาน นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นต้นแบบความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่นและส่วนกลางในการฟื้นฟูเมือง เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนเมือง เปิดพื้นสาธารณะส่งเสริมสุขภาวะให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน

สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ทางสัญจรข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยการเดินเท้า และ สวนลอยฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย โดยความร่วมมือของ UddC ร่วมกับ สำนักการวางแผนและพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร  กรมทางหลวงชนบท และ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2563 มีการปรับปรุงมาจากโครงสร้างเดิมของรางรถไฟฟ้าลาวาลิน หรือ สะพานด้วน โครงสร้างเก่าที่สร้างไม่เสร็จและไม่ได้มีการใช้ประโยชน์มากว่า 30 ปี โครงสร้างแห่งนี้ได้รับการเสนอจากภาคีพัฒนาที่เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการในโครงการกรุงเทพฯ 250 ระยะที่ 1 ให้เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องของผังแม่บทอนุรักษ์ฟื้นฟูย่านกะดีจีน-คลองสาน โดยความร่วมมือแบบพหุภาคีของ สำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร กรมทางหลวงชนบท กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม โดยมี UddC เป็นแกนกลางในการประสานความร่วมมือ เพื่อปรับปรุงให้กลายเป็นทางเดินและทางจักรยานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบการสัญจรระหว่างฝั่งธนบุรีเข้ากับฝั่งรัตนโกสินทร์เข้าด้วยกัน

โครงสร้างแห่งนี้ได้รับการเสนอจากภาคีพัฒนาที่เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการในโครงการกรุงเทพฯ 250 ระยะที่ 1 ให้เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องของผังแม่บทอนุรักษ์ฟื้นฟูย่านกะดีจีน-คลองสาน โดยความร่วมมือแบบพหุภาคีของ สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร กรมทางหลวงชนบท การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม โดยมี UddC เป็นแกนกลางในการประสานความร่วมมือ เพื่อปรับปรุงให้กลายเป็นทางเดินและทางจักรยานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบการสัญจรระหว่างฝั่งธนบุรีเข้ากับฝั่งรัตนโกสินทร์เข้าด้วยกัน

UddC ได้พัฒนาแนวคิดในการออกแบบ โดยจัดทำกระบวนการการมีส่วนร่วมหลากหลายระดับกับทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ รวมถึงใช้กลไกในการขับเคลื่อนทั้งบ้าน วัด โรงเรียน ราชการ (บ.ว.ร.) ผ่านกระบวนการร่วมหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้มาซึ่งการออกแบบที่ผ่านความเห็นชอบจากทุกฝ่าย รวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์กับชุมชนและสาธารณะอย่างกว้างขวาง ภายใต้วัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ดังนี้

1) การสร้างทางเลือกในการสัญจรข้ามแม่น้ำ ด้วยการเดินและจักรยานที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างเสริมสุขภาวะของเมือง

2) การสร้างประโยชน์ให้ทุกภาคส่วน ได้แก่ ประชาชนทั่วไป ชาวย่าน นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนนักศึกษาของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่โดยรอบบริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำที่มีมากถึง 25 แห่ง

3) การส่งเสริมโครงข่ายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้กับย่านเก่าทั้งฝั่งรัตนโกสินทร์และฝั่งธนบุรีโดยเฉพาะการเชื่อมต่อทางสัญจรสู่พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณคลองรอบกรุง นอกจากนี้ UddC ยังได้ประสานความร่วมมือกับพันธมิตรในการออกแบบ อันประกอบด้วย บริษัท Land Process บริษัท N7A และ ศูนย์ Lighting Research and Innovation Centre (LRIC) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการร่วมพลิกโฉมสะพานอัตลักษณ์ใหม่ ให้มีความเป็นมิตรต่อผู้สัญจรไปจนถึงสิ่งแวดล้อมด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนสะพานและพื้นที่รอยต่อทางขึ้นลงกับย่านโดยรอบ ให้มีความร่มรื่นและสะดวกสบาย รองรับการใช้งานเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในชีวิตประจำวัน และในขณะเดียวกันก็ได้มีการออกแบบแสงสว่างเพื่อขยายเวลาในการใช้งานในช่วงค่ำคืนเพื่อความปลอดภัย และเพื่อส่งเสริมความสวยงามสะพานนี้สู่การเป็นจุดหมายตาแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 

ที่มา:

ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์   จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:

อื่นๆ

วิชาทันตกรรมชุมชนภาคปฏิบัติ : หลักสูตรใส่ใจสุขภาพปากและฟันเพื่อเด็กไทยวันนี้

แม้ประเทศไทยจะมีอัตราการเกิดของเด็กลดน้อยลงเรื่อย ๆ จนต่ำกว่า 600,000 คนต่อปี มาตั้งแต่ปี 2562 แต่ทุกวันนี้ยังคงมีประชากรวัยเด็กมากกว่า 7 ล้านคนที่ภาครัฐยังคงต้องดูแลสุขภาวะด้านต่าง ๆ จากการสำรวจสถานการณ์ฟันผุในเด็กไทยพบว่าปัจจุบัน เด็กไทยเริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน และยังพบเด็กอายุ 3 ปี มีฟันผุเฉลี่ย 3 ซี่ต่อคน

จากห้องเรียนสู่ผืนป่า: จุฬาฯ ส่งต่อองค์ความรู้ระบบนิเวศสู่ชุมชนและสังคม

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษา ที่เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศของประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับพืชและสัตว์ป่าซึ่งเป็นรากฐานหนึ่งของความยั่งยืนในระบบนิเวศ มหาวิทยาลัยได้จัดให้มีโครงการและหลักสูตรด้านระบบนิเวศสำหรับชุมชน ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการอนุรักษ์และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ

Park @ Siam พื้นที่สีเขียวของจุฬาฯ ใจกลางเมืองเพื่อชุมชน

“Park @ Siam” พื้นที่สีเขียวใจกลางย่านการค้าสยามสแควร์ เป็นสวนสาธารณะแห่งเดียวในย่านการค้าที่มีชื่อเสียง ภายใต้การดูแลและบริหารจัดการโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU)

จุฬาฯ ชงแก้ปัญหาขยะทะเลจากบนบก เสนอรัฐคุมใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งในบริการส่งอาหาร (Food Delivery)

ขยะพลาสติกจากธุรกิจส่งอาหารกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมเมืองโดยเฉพาะหลังจากที่ภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ห้ามให้ประชาชนออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน ส่งผลให้ธุรกิจส่งอาหารเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในขณะเดียวกลับสร้างปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลตามมาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดนั่นคือปริมาณบรรจุภัณฑ์พลาสติกและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมีจำนวนมหาศาล และกลายเป็นขยะทันทีหลังบริโภค

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save