กรณีศึกษา

วิชาทันตกรรมชุมชนภาคปฏิบัติ : หลักสูตรใส่ใจสุขภาพปากและฟันเพื่อเด็กไทยวันนี้

แม้ประเทศไทยจะมีอัตราการเกิดของเด็กลดน้อยลงเรื่อย ๆ จนต่ำกว่า 600,000 คนต่อปี มาตั้งแต่ปี 2562 แต่ทุกวันนี้ยังคงมีประชากรวัยเด็กมากกว่า 7 ล้านคนที่ภาครัฐยังคงต้องดูแลสุขภาวะด้านต่าง ๆ จากการสำรวจสถานการณ์ฟันผุในเด็กไทยพบว่าปัจจุบัน เด็กไทยเริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน และยังพบเด็กอายุ 3 ปี มีฟันผุเฉลี่ย 3 ซี่ต่อคน สาเหตุหลักของฟันผุในเด็กเล็กมาจากพฤติกรรมการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม เช่น การให้เด็กทานขนมหรือนมที่มีรสหวานเป็นประจำ การปล่อยให้เด็กหลับคาขวดนมหลังจากฟันขึ้นแล้ว หรือผู้ปกครองละเลยเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก โดยไม่ได้เริ่มแปรงฟันตั้งแต่น้ำนมซี่แรกขึ้น เป็นต้น ผลกระทบของโรคฟันผุในเด็กสามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากในอนาคตได้ การมีฟันน้ำนมผุ เด็กจะปวดฟัน เคี้ยวอาหารไม่ได้ ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อการเจริญเติบโต อีกทั้งอาการปวดฟันยังส่งผลต่อการนอนหลับและการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้ล้วนกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กเล็กและยังขัดขวางพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และสติปัญญา และที่มากไปกว่านั้นคือ เด็กที่มีฟันน้ำนมผุก็มักจะพบฟันแท้ผุต่อเนื่อง เพราะเด็กที่มีฟันผุจะมีเชื้อก่อโรคฟันผุในช่องปากมากกว่าปกติส่งผลให้ฟันแท้ที่กำลังจะขึ้นใหม่นั้นเกิดฟันผุได้เช่นเดียวกัน [ข้อมูล: https://multimedia.anamai.moph.go.th/help-knowledgs/kid-and-decay-tooth/ ]

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะทันตแพทยศาสตร์ มีหลักสูตรเปิดสอนวิชาทันตกรรมชุมชนภาคปฏิบัติ จึงได้ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรนี้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 โดยให้นิสิตชั้นปีที่ 5 ได้นำองค์ความรู้ที่สั่งสมมาบูรณาการลงพื้นที่เข้าไปดูแลสุขภาพปากและฟันของเด็กในสถานศึกษาที่ขาดโอกาสเข้าถึงการรักษาทางทันตกรรมรอบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้พบปัญหาผู้ปกครองขาดองค์ความรู้และยังไม่ได้ให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพฟันที่ถูกวิธีอย่างเพียงพอกับบุตรหลาน [http://www.dent.chula.ac.th/community-dentistry/index.php ]

นิสิตทันตแพทย์ ชั้นปีที่ 5 ประมาณ 100 คนต่อปีที่เรียนในรายวิชาทันตกรรมชุมชนภาคปฏิบัติ 2 ได้แบ่งกันลงพื้นที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่เป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน รวม 20 กลุ่ม จัดกิจกรรมเชิงรุกต่าง ๆ อาทิ ตรวจฟันคัดกรอง เสริมให้เด็กสามารถดูแลตนเอง ฝึกให้แปรงฟัน เคลือบหลุมร่องฟัน ทาฟลูออไรด์ สีย้อมฟัน ให้กับเด็กและครูมากกว่า 1,200 คนต่อปีในสถานศึกษา 9 แห่งในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ โรงเรียนวัดปทุมวนาราม โรงเรียนประถมนนทรี โรงเรียนวัดหัวลำโพง โรงเรียนพีระยา นาวิน โรงเรียนวัดพลับพลาไชย โรงเรียนวัดโสมนัส โรงเรียนวัดชัยชนะสงคราม สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี (Rajvithi Home for Girls) และมูลนิธิบ้านพระพร (House of Blessing Foundation) นอกจากนี้ ยังได้นำเด็กที่จำเป็นต้องรับการรักษาทางทันตกรรมกลับมาใช้ห้องและอุปกรณ์เครื่องมือทางทันตกรรมที่คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับตั้งแต่ปี 2556-2562 รวมแล้วทั้งสิ้น 550 คน

แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด19 คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ยังได้ปรับหลักสูตรวิชานี้ให้ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยนำแพลตฟอร์มออนไลน์เข้ามาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมภาคปฏิบัติหลายกรณีในโรงเรียน อาทิ นำร่องให้ความรู้ผ่านระบบออนไลน์กับผู้ปกครองโรงเรียนประถมนนทรี จำนวน 20 ครอบครัว โดยสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทักษะการดูแลสุขภาวะช่องปากและฟันได้ในช่วงเวลากลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังผู้ปกครองเลิกงานแล้ว ปรากฏผลดีและได้ตั้งเป้าหมายว่าจะทำขยายผลโครงการไปให้ครอบคลุมเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้นของทั้ง 6 โรงเรียนที่เข้าร่วมภายในปี 2566 ต่อไป

ต่อเนื่องถึงชั้นปีที่ 6 นิสิตทันตแพทย์ที่เรียนในรายวิชาทันตกรรมชุมชนภาคปฏิบัติ 3 ทั้ง 20 กลุ่ม จะสลับกันออกไปทำกิจกรรมและโครงการดูแลผู้สูงอายุและเด็กเล็กในชุมชนในต่างจังหวัดทั่วประเทศ เดือนละ 10 กลุ่ม เป็นเวลา 5 สัปดาห์ ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชนหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด การฝึกภาคปฏบัติ มีดังนี้

1) สร้างเสริมสุขภาพในชุมชนระยะยาว ครบทุกขั้นตอนของกระบวนการตั้งแต่ศึกษาบริบทชุมชน ค้นหาปัญหาและศักยภาพของชุมชน ออกแบบและดำเนินโครงการร่วมกับชุมชน และประเมินผล

2) สร้างให้ “ชุมชนมีส่วนร่วม” ฟังความต้องการของชุมชนซึ่งอาจเป็นประเด็นอื่นนอกจากสุขภาพช่องปาก มาประกอบกับการใช้มาตรการเชิงสังคม พัฒนานโยบายด้านสุขภาพในชุมชน เปลี่ยนแปลงกฎกติกา สิ่งแวดล้อมและคำนิยมในชุมชนให้เอื้อต่อสุขภาพ

3) สร้างชุมชนให้มีความรู้ ทักษะ คำนิยม และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพมากขึ้น ในหลายระดับ ได้แก่

  • ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ออกกฎระเบียบยกเลิกขวดนม อนุญาตให้เด็กนำเฉพาะผลไม้มารับประทานได้ และริบขนมไม่ให้รับประทานหรือนำมารวมกันเพื่อให้เด็กรับประทานพร้อมกันทุกคน หรือกำหนดช่วงเวลารับประทาน ตลอดจนปรับรายการอาหารให้เอื้อต่อสุขภาพ มีระบบการจัดการและควบคุมให้เด็กทุกคนได้แปรงฟันทุกวัน ซ่อมแซมหรือสร้างอ่างแปรงฟัน โดยประสานเรื่องงบประมาณกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพิ่มกิจกรรมร้องเพลงแปรงฟันเข้าไปในตารางกิจกรรมประจำวันของเด็ก ฝึกทักษะและสร้างนิสัยการแปรงฟันแห้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันฟันผุ และปรับรายการขนมของรถเข็นที่มาขายหลังเลิกเรียนให้เอื้อต่อสุขภาพมากขึ้น
  • โรงเรียน จัดระบบการแปรงฟันพร้อมกัน จัดสรรสถานที่ที่มีอยู่ให้เพียงพอต่อการแปรงฟันของเด็กทุกคน กำหนดให้คุณครูแปรงฟันร่วมกับเด็กเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี ปรับของว่างและเครื่องดื่มที่ขายในโรงเรียนให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น ลดความหวานในเครื่องดื่ม ตรวจกระเป๋าไม่ให้เอาขนม น้ำหวานขึ้นห้องเรียน อนุญาตเฉพาะน้ำเปล่าเท่านั้น
  • หมู่บ้าน ปรับเครื่องดื่มที่ปรุงขายให้มีน้ำตาลลดลงจากมติของชาวบ้าน สนับสนุนร้านค้าที่ขายเครื่องดื่มหวานน้อยโดยให้ป้ายรับรอง ร่วมกับวัดและร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มรณรงค์การถวายน้ำปานะหวานน้อย รวมถึงพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ติดตามการแปรงฟันของเด็กเล็กในบ้านที่ตนรับผิดชอบ รณรงค์สร้างวิถีปฏิบัติใหม่ของชุมชนให้แปรงฟันก่อนนอนได้สำเร็จ
  • โรงงานและหน่วยงานองค์กร ปรับเครื่องดื่มที่ขายโดยจำแนกเป็นชนิดน้ำตาลต่ำและสูง มีป้ายเชิญชวนให้เลือกชนิดน้ำตาลต่ำ มีป้ายให้เลือกระดับหวานน้อยสำหรับเครื่องดื่มชงแยกแก้ว เพิ่มเครื่องดื่มน้ำตาลน้อยให้มากขึ้น ออกข้อตกลงร่วมกันเพื่อลดการบริโภคแอลกอฮอล์ นโยบายงดกาแฟทรีอินวันในมุมกาแฟขององค์กรและในการประชุมทุกครั้งขององค์กรปกครองส่วนถิ่น
  • โรงเรียนผู้สูงอายุ เพิ่มการแปรงฟันเข้าในตารางกิจกรรมของผู้สูงอายุ จัดสรรสถานที่ให้เพียงพอต่อการแปรงฟัน ปรับเครื่องดื่มที่แจกเป็นชนิดน้ำตาลต่ำเท่านั้น

ที่มา:

คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อื่นๆ

พื้นที่สีเขียวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พื้นที่เปิดเพื่อชุมชนและสังคมที่ทุกคนเข้าถึงได้

การจัดการพื้นที่ให้ร่มรื่นด้วยการปลูกต้นจามจุรีและต้นไม้ใหญ่ใน 14 สวน เป็นพื้นที่สีเขียวในรั้วมหาวิทยาลัยที่เปิดให้ชาวจุฬาฯ และประชาชนทั่วไปทุกเพศทุกวัย ได้เข้ามาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้พักผ่อนหย่อนใจคลายร้อน เพิ่มอากาศที่บริสุทธิ์ ลดมลพิษ ส่งเสริมสุขภาพ สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: เชื่อมโยงโลก สร้างสรรค์ความยั่งยืน

ในยุคที่โลกเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่ซับซ้อนมากขึ้นทุกขณะ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ก้าวขึ้นมาเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง มหาวิทยาลัยได้ขยายบทบาทของตนออกไปมากกว่าในระดับประเทศ ผ่านความร่วมมือระดับนานาชาติในการรวบรวมและวัดผลข้อมูลตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายในระดับโลก โดยมีหลักฐานเชิงข้อมูลรองรับ และส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนอย่างครอบคลุมทุกมิติ

หลักสูตรความรู้และการจัดกิจกรรมรณรงค์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในเรื่องของผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน ทั้งในแง่ของการเกิดพิบัติภัยจากสภาพอากาศที่รุนแรงโดยตรง และภัยพิบัติอื่น ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ประชาคมโลกได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการแก้ไข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save