จุฬาฯ ปลอดบุหรี่
จุฬาฯ จับมือ ก.สาธารณสุข แก้ปัญหาสิงห์อมควัน จัดเขตสูบบุหรี่คุ้มครองนิสิต-บุคลากร นำร่องปรับพฤติกรรมคนไทย
ในทุก ๆ 1 นาที ทั่วโลกมีผู้ที่ต้องปิดฉากชีวิตลงจากภัยร้ายของบุหรี่ซึ่งเป็นสาเหตุที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกนับเป็นอันดับต้น ๆ มากกว่าปีละ 5 ล้านคน มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องหันหน้ามาร่วมกันดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้ยอดผู้สูบบุหรี่กว่า 650 ล้านคน ไม่ต้องจบชีวิตก่อนวัยอันควร ขณะที่เมื่อหันกลับมาดูสถานการณ์ในประเทศไทยไทย ข้อมลูจากแผนงานควบคุมยาสูบในปี พ.ศ.2560-2564 เผยว่า ปัญหาการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนอายุรหะว่าง 15-18 ปี ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 6.58 เป็นร้อยละ 8.25 สอดคล้องกันกับข้อมูลของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ที่ระบุว่าเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 18 ปี ติดบุหรี่กว่า 400,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 70 จะไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ตลอดชีวิต หากยังได้รับการกระตุ้นจากกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบที่พยายามโฆษณาหลอกล่อเด็กและเยาวชนอีกด้วย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศ “นโยบายคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่และจัด “เขตสูบบุหรี่” เป็นการเฉพาะ พ.ศ. 2563” เพื่อมุ่งปรับพฤติกรรมคุมเข้มผู้สูบบุหรี่ในสถานศึกษาโดยจัดให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ในพื้นที่อาคาร สิ่งปลูกสร้าง สถานที่สาธารณะที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ พร้อมแสดงเครื่องหมายแยกเขตปลอดบุหรี่ และเครื่องหมายเขตสูบบุหรี่ให้ชัดเจน เพื่อดูแลพื้นที่ในเขตสูบบุหรี่ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมาะสม ทั้งนี้ยังได้รณรงค์ให้นิสิตและบุคลากรเกิดแรงจูงใจร่วมลด ละ เลิกสูบบุหรี่
ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องดูแลทั้งผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และผู้สูบบุหรี่ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยจัดพื้นที่ที่เหมาะสม มีสัญลักษณ์เครื่องหมายแสดงเขตปลอดบุหรี่และเขตบุหรี่ได้ไว้ให้อย่างชัดเจน โดยเราคำนึงถึงเรื่องสุขภาวะของประชาคมเป็นสำคัญ จากเดิมที่ยังไม่มีการจัดพื้นที่สูบบุหรี่ในพื้นที่ส่วนกลางอย่างเป็นทางการเนื่องด้วยต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งผลจากนำร่องการจัดพื้นที่สูบบุหรี่ในบางคณะ พบว่าเกิดประสิทธิผลทำให้แนวโน้มจำนวนผู้สูบบุหรี่ลดลง นิสิตสูบบุหรี่ในพื้นที่ที่จัดไว้ให้และไร้ซึ่งควันบุหรี่รบกวนผู้อื่น ทั้งนี้เรากำลังประชาสัมพันธ์ และรณรงค์เรื่องนี้ภายในประชาคมอย่างเข้มข้น จะตรวจตราและทำความเข้าใจกับผู้ที่ฝ่าฝืนในเขตห้ามสูบให้ตระหนักถึงผลกระทบต่าง ๆ ต่อไปด้วย”
นอกจากนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังได้ผนึกกำลังกับศูนย์บริการสาธารณสุข 5 เครือข่ายการทำงาน ลงพื้นที่ชุมชนรอบมหาวิทยาลัยปรับพฤติกรรมประชาชน ออกให้บริการการเลิกบุหรี่แก่ประชาชนในชุมชนผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับคณะทำงานด้านการแก้ไขปัญหาผู้เสพยาสูบ และยังได้สร้างเครือข่ายเภสัชอาสาพาเลิกบุหรี่สร้างเสริมสุขภาพ ในช่วงในวันงดสูบบุหรี่โลกที่ผ่านมาอีกด้วย
ประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรื่อง นโยบายคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ และจัด “เขตสูบบุหรี่” เป็นการเฉพาะ
พ.ศ. 2563
โดยที่เป็นการสมควรมีประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง นโยบายคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ และจัด “เขตสูบบุหรี่” เป็นการเฉพาะ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 ประกอบกับข้อ 5 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดประเภทหรือชื่อของสถานที่สาธารณะ สถานที่ทำงาน และยานพาหนะ ให้ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของสถานที่และยานพาหนะเป็นเขตปลอดบุหรี่ หรือเขตสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ พ.ศ. 2561 จึงให้มีประกาศไว้ดังนี้
ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง นโยบายคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ และจัด “เขตสูบบุหรี่” เป็นการเฉพาะ พ.ศ. 2563”
ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้มหาวิทยาลัยจัดให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ในพื้นที่ สถานที่ส่วนที่เป็นอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงสถานที่สาธารณะที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันของมหาวิทยาลัยดังต่อไปนี้
- (1) ให้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัย และพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยเป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด เว้นแต่พื้นที่ที่จัดไว้เป็นเขตสูบบุหรี่เป็นการเฉพาะ
- (2) ให้สถานที่บริการสุขภาพ โรงเรียนสาธิต สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อน และสนามเด็กเล่น ซึ่งอยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าสถานที่ดังกล่าวจะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งระยะ 5 เมตร จากทางเข้า – ออกของสถานที่ดังกล่าว เป็นเขตปลอดบุหรี่
- (3) ให้ยานพาหนะสาธารณะ และสถานที่พักเพื่อรอยานพาหนะที่อยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย เป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด
ข้อ 4 ให้ส่วนงาน และหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย จัดพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ โดยมีสภาพและลักษณะเป็นไปตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560
ข้อ 5 ส่วนงานและหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย อาจจัด “เขตสูบบุหรี่” ในเขตปลอดบุหรี่ในพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลเป็นการเฉพาะ โดยมีสภาพและลักษณะเป็นไปตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560
ข้อ 6 ให้ส่วนงานและหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการตามข้อ 4 หรือข้อ 5 แสดงเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่และเครื่องหมายเขตสูบบุหรี่ให้ชัดเจน รวมทั้งดูแลพื้นที่ในเขตสูบบุหรี่ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมาะสม โดยพิจารณาเทียบเคียงสัญลักษณ์และเครื่องหมาย ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ลักษณะและวิธีการในการแสดงเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่ และเครื่องหมายเขตสูบบุหรี่ พ.ศ. 2561
ข้อ 7 ให้ส่วนงานและหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย จัดให้มีการประชาสัมพันธ์หรือรณรงค์ให้เกิดแรงจูงใจในการลด ละ เลิก การสูบบุหรี่ของนิสิตและบุคลากร
ข้อ 8 ให้ส่วนงานหรือหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยมอบหมายบุคลากรคนเดียวหรือหลายคนทำหน้าที่ตรวจตราและรายงานผู้ที่ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่แก่ส่วนงานหรือหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อพิจารณาดำเนินการตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
ข้อ 9 ผู้อยู่ในพื้นที่มหาวิทยาลัยและพื้นที่ในความดูแลของส่วนงานและหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย ต้องปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ โดยผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนด
ประกาศ ณ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563
(ศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์)
อธิการบดี
ที่มา:
สำนักบริหารระบบกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อื่นๆ
ประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง นโยบายด้านการบริหารจัดการขยะและขยะอันตราย พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความยั่งยืนและตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคทรัพยากรและการจัดการขยะอย่างยั่งยืน และเป็นต้นแบบในการจัดการขยะเหลือศูนย์ (zero waste management) จึงเห็นสมควรให้มีประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง นโยบายด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและขยะอันตราย