จังหวัดชลบุรีมั่นใจ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าเกาะสีชังอุ้มประมงชายฝั่งยั่งยืนทุกมิติ
Photo source: The Sharpener
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางสาวประภัสรา ศรีทอง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรีนำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ธนาคารสัตว์ทะเลเกาะสีชัง โดยชุมชนเพื่อชุมชนยั่งยืน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และธนาคารปูม้า บนเกาะสีชัง ที่ได้ริเริ่มและบริหารจัดการโดยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิตจุฬาฯ ตั้งอยู่บนเกาะสีชังแห่งนี้เพื่อศึกษา วิจัย และพัฒนาแนวทางการฟื้นฟูระบบนิเวศตลอดจนทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกับชุมชนมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการให้กับชาวประมงในพื้นที่โดยรอบได้กว่า 3,500 ราย ผ่านศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้

นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “ด้วยการลงพื้นที่มาคลุกคลีกับชุมชนประมงชายฝั่งเกาะสีชังอย่างใกล้ชิดทำให้ภารกิจช่วยฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ และได้พิสูจน์ทราบแล้วว่าสามารถสร้างรายได้คืนกลับไปให้พี่น้องชาวประมงในเขตจังหวัดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียงได้จริง ทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อชาวบ้านอยู่ดีกินดี ปัญหาสังคมต่าง ๆ ก็จะน้อยลง เพราะเมื่อเขามีอาชีพ มีงานทำในท้องถิ่นของตน ปัญหาการย้ายถิ่นฐาน ออกไปหางานทำในเมืองก็ลดลงตามไปด้วย ครอบครัวก็อบอุ่น ซึ่งจังหวัดชลบุรีเองก็พร้อมให้การสนับสนุนชุมชนและสังคม ผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป”
นอกจากนี้ ศูนย์เรียนรู้และธนาคารปูม้าแห่งนี้ยังได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากการประกวดธนาคารปูม้าชุมชนเพื่อความยั่งยืนในมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2564 (Thailand Research Expo 2021) มาแล้ว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิลนาจ ชัยธนาวิสุทธิ์ อาจารย์ที่ปรึกษาประจำธนาคารปูม้า ในฐานะหัวหน้าโครงการขยายผลธนาคารปูม้าเพื่อคืนปูม้าสู่ทะเลไทย เปิดเผยความมุ่งหวังตั้งใจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในภารกิจนี้ไว้ว่า
“เรามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีการเพาะพันธุ์ปูม้าแบบฟาร์มบนบก ช่วยเพิ่มอัตราการรอดของลูกพันธุ์ปูม้าจากการสลัดไข่ของแม่ปูม้า ซึ่งกลุ่มชาวประมงเรือเล็กหรือชาวประมงพื้นบ้านจะนำแม่ปูม้าที่มีไข่ติดกระดองมาฝากไว้ที่ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบกเพื่อให้ไข่ฟักตัวเป็นลูกปูม้าวัยอ่อนแทนที่จะนำออกขายทันที นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ปูม้าให้สามารถผลิตตัวอ่อนที่แข็งแรงเหมาะสมต่อการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติช่วยเพิ่มสมดุลให้ประชากรปูม้าในระบบนิเวศได้อีกทางหนึ่ง โดยมีลูกปูม้าที่ฟักตัวจากศูนย์ฯ และได้รับการปล่อยลงสู่ทะเลแล้วนับพันล้านตัว เพิ่มอัตราการรอดชีวิตของลูกปูม้าที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติจากการดำเนินโครงการนี้ได้ถึงร้อยละ 60 และที่มากไปกว่านั้น ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบกแห่งนี้ยังทำหน้าที่สำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่กลุ่มเป้าหมายหลักของเราคือลงไปในระดับชุมชนฐานรากและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอำเภอเกาะสีชัง นับจนถึงปัจจุบันบนเกาะสีชังมีธนาคารปูม้าเกิดขึ้นแล้วจำนวน 22 แห่ง เรายังมีธนาคารปูม้าเกิดขึ้นตามมาในพื้นที่อำเภอใกล้เคียงภายในจังหวัดชลบุรีอีกจำนวน 3 แห่ง


และได้ขยายผลไปยังชุมชนในพื้นที่ท้องทะเลไทยทั้งในฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน อาทิ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านปากคลองท่าทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านเกาะมุก (อ่าวหัวนอน) จังหวัดตรัง ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านเกาะมุก (อ่าวมะขาม) จังหวัดตรัง เป็นต้น ซึ่งเรานับเป็นเครือข่ายและใช้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เรื่องประมงปูม้าให้กับผู้ที่สนใจรวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวสายอนุรักษ์ นอกจากนี้ เรายังได้สนับสนุนและชักชวนให้คนบนเกาะสีชังเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบกด้วยการร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ เก็บข้อมูล และติดตามสถานการณ์การทำประมงปูม้าใกล้ตัวพวกเขาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในพื้นที่ระหว่างกันอีกด้วย”
กิจกรรมการขยายผลธนาคารปูม้าสู่ทะเลไทยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงถือเป็นต้นแบบกลไกการบูรณาการใช้ประโยชน์จากการวิจัยนวัตกรรมแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศคือการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของผลผลิตปูม้าไทยได้สำเร็จ และยังได้สร้างแนวการบริหารจัดการทรัพยากรของชาติจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนได้อย่างแท้จริง


ที่มา
- สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

SDG ที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
เทคโนโลยีราไมคอร์ไรซาเพื่อการปลูกและฟื้นฟูป่าอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน
จากการสำรวจในปี 2564 พบว่ามีพื้นป่าเพียง 31.59% ของพื้นที่ทั้งหมดในประเทศไทย สาเหตุหลักของการลดลงของผืนป่าเกิดจาก ไฟป่า การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อการเกษตรและการลักลอบตัดไม้ นอกจากนี้พื้นป่าที่เหลืออยู่ก็อยู่ในสภาพวิกฤต สภาพอากาศที่แห้งแล้งหรือการลักลอบเผาป่าอย่างผิดกฎหมาย ทำให้เกิดไฟป่า ที่นอกจากจะทำให้ผืนป่าลดลงแล้ว การเกิดไฟป่ายังทำลายสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น
สผ. ร่วมกับ GIZ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หารือผู้เชี่ยวชาญในประเด็นความเสี่ยงของพืชเศรษฐกิจหลัก และข้อเสนอเชิงนโยบาย ด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรของประเทศไทย
เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อผลการวิเคราะห์ประเด็นความเสี่ยงจากปัจจัยคุกคามทางสภาพอากาศต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจหลักในแต่ละพื้นที่ย่อย โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนจากสถาบันการศึกษา และภาครัฐ เข้าร่วมการประชุม
Park @ Siam พื้นที่สีเขียวของจุฬาฯ ใจกลางเมืองเพื่อชุมชน
“Park @ Siam” พื้นที่สีเขียวใจกลางย่านการค้าสยามสแควร์ เป็นสวนสาธารณะแห่งเดียวในย่านการค้าที่มีชื่อเสียง ภายใต้การดูแลและบริหารจัดการโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU)
เทคโนโลยีราไมคอร์ไรซาเพื่อการปลูกและฟื้นฟูป่าอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ตามรายงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร้อยละ 31-33 ของประเทศไทยเป็นพื้นที่สีเขียว ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและปกป้องผืนป่าโดยกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) วางเป้าหมายในการขยายพื้นที่ป่าให้เป็นร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั่วประเทศ




