กรณีศึกษา

จุฬาฯ สร้างระบบส่งเสริมสุขภาพช่องปากให้กลุ่มเปราะบางชายขอบด้วยระบบ Digital Health Platform

องค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) ประกาศให้โรคทางช่องปากเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประชากรโลก สถานการณ์โรคฟันผุที่ยังไม่ได้รักษา (Untreated Dental Caries) ในชุดฟันแท้เป็นโรคที่มีพบมากที่สุดในโลก ร้อยละ 35 ของประชากรโลก ในขณะที่โรคปริทันต์อักเสบระดับรุนแรงที่จะนำไปสู่การสูญเสียฟันนั้นยังมีอีกร้อยละ 11 ของประชากรโลก และอัตราการเกิดมะเร็งช่องปากยังเพิ่มขึ้นอย่างคงที่ ซึ่งแน่นอนว่าโรคทางช่องปากอย่างโรคฟันผุยังคงเป็นภัยคุกคามคุณภาพชีวิตของประชากรโลกมากที่สุด สำหรับสถานการณ์โรคทางช่องปากในประเทศไทยนั้นพบว่ากว่าร้อยละ 50 ของเด็กไทยมีปัญหาฟันผุ ในขณะที่วัยผู้ใหญ่เองยังต้องประสบปัญหาการสูญเสียฟัน โรคปริทันต์ และเหงือกอักเสบอยู่อย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่าในปี 2560 การเข้าถึงบริการทันตกรรมในประเทศไทยยังมีสถิติอยู่ร้อยละ  9.6 เท่านั้น คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการรักษาสูงถึง 20,638 ล้านบาท ซึ่งประชาชนในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 56 ต้องจ่ายค่าบริการด้วยตนเอง (out of pocket) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับบริการทางการแพทย์อื่น ๆ ทั่วไปที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเองอยู่ในสัดส่วนเพียงร้อยละ 9 เท่านั้น ซึ่งเป็นหลักฐานยืนว่าประเทศไทยยังมีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมของประชาชน และโรคในช่องปากยังเป็นภัยคุกคามอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเขตชนบทยิ่งมีแนวโน้มเกิดโรคทางช่องปากเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสวนทางกับสถานการณ์กรุงเทพมหานครและเขตเมืองที่มีแนวโน้มลดลง

ด้วยเหตุนี้ การรักษาโรคทางช่องปากจึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการลุกลามของโรคที่ยังสามารถนำไปสู่การสูญเสียฟันถาวร และเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด การสร้างเสริมสุขภาพช่องปากจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะลดการเกิดโรคใหม่ เพราะการมุ่งรักษาเพียงอย่างเดียวนั้นไม่อาจเพียงพอและมีผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงมองหาแนวทางพัฒนาระบบการให้บริการทางทันตกรรมในทิศทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีอุปสรรคทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะทันตแพทยศาสตร์ จึงได้พัฒนาระบบ Teledentistry เพื่อเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลการให้บริการทางทันตกรรมซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (ทุน กทปส.) ภายใต้โครงการพัฒนาการให้บริการและการรักษาทางทันตกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิตอลบนเครือข่ายดิจิตอลความเร็วสูง

Teledentistry เป็นระบบและกระบวนการสาธารณสุขทางไกล (telehealth) ที่ให้การรักษาทางทันตกรรม ดังนี้

  1. Synchronous (Live, Realtime) ระหว่างผู้ป่วยและผู้ให้บริการทางทันตกรรมผ่านทางเทคโนโลยี audiovisual telecommunication
  2. Asynchronous เก็บข้อมูลในระบบแล้วส่งต่อ เช่นการลงข้อมูลทั่วไป รูปถ่ายในช่องปาก ภาพรังสีหรือรอยพิมพ์ฟันแบบดิจิดอล (digital impression) ของผู้ป่วยในระบบ แล้วส่งต่อไปยังทันตแพทย์เพื่อประเมินสุขภาวะช่องปากของผู้ป่วย
  3. Remote patient monitoring ใช้ระบบให้บริการพื้นที่ห่างไกล
  4. Mobile health พัฒนาอุปกรณ์สื่อสารที่ติดตัวผู้ป่วย ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ทางทันตสุขศึกษาได้สะดวก

สำหรับความก้าวหน้าของโครงการได้นำไปใช้แล้วกับกลุ่มเปราะบางทั้งกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาสในชุมชน ผู้ต้องขังในเรือนจำ และกลุ่มชาติพันธุ์ในเขตชนบทจังหวัดน่าน ได้แก่ ชนเผ่าไทลื้อ ชนเผ่าเมี่ยน ชนเผ่าม้ง ชนเผ่าขมุ ชนเผ่าถิ่น ชนเผ่าก่อ ชนเผ่าอิ้วเมี่ยน (เย้า) ชนเผ่าเมี่ยน ชนเผ่ามลาบรี และ ชนเผ่าลัวะ รวมแล้วกว่า 100,000 ราย ผ่านการดำเนินของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่คอยคัดกรองปัญหาในช่องปากเบื้องต้น จากการถ่ายภาพนิ่งและวิดิโอร่วมกับกล้องถ่ายภาพในช่องปาก (Intraoral Camera) ให้คำแนะนำวิธีดูแลช่องปาก โดย อสม. ผู้ดูแลคนไข้ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และการส่งต่อเพื่อรับบริการในขั้นต่อไป นอกจากนี้ ยังสามารถให้บริการใส่ฟันเทียมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลร่วมกับการสแกนในช่องปาก (Intraoral Scanner) ซึ่งได้รักษากับคนไข้ไปแล้ว 1,000 ราย

นอกจากนี้ ทีมผู้ดำเนินโครงการยังจัดอบรมพัฒนาทักษะบุคลากรทางสาธารณสุข ทันตแพทย์ทันตาภิบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่จังหวัดน่าน สระบุรี ศรีสะเกษ และปทุมธานี ร่วมกับนิสิตอาสาสมัครให้บริการด้วยระบบการให้บริการทางทันตกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพในช่องปากและเทคโนโลยีการสแกนในช่องปาก 2 ครั้งต่อจังหวัดต่อปี ให้ผู้ป่วยอีก 300 ราย และยังสร้าง Application ระบบการให้คำปรึกษาทางไกล (Distance Learning) ให้กับทันตแพทย์ในต่างจังหวัดแบบ real time โดยได้รับความพึงพอใจจากประชาชนและบุคลากรทางทันตกรรมถึงกว่าร้อยละ 80 อีกด้วย

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ คือการเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงการรักษาพยาบาลในช่องปากของกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีความจำเป็นต้องรับบริการทางทันตกรรม เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการให้บริการ และยังได้พัฒนาทักษะทางดิจิทัลของทันตบุคลากรทางสาธารณสุขและยังช่วยอำนวยความสะดวกให้บุคลากรและประชาชนเข้าถึงข้อมูลทางทันตสุขศึกษาในระดับฐานรากอีกด้วย

ที่มา

คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อื่นๆ

การพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรด้วยระบบเกษตรแบบยั่งยืน

จุฬาฯ จัดทำโครงการ “การพัฒนาเครือข่ายชุมชนเกษตรด้วยระบบเกษตรแบบยั่งยืน” โครงการนี้ส่งเสริมการสร้างทักษะและความรู้ด้านระบบการผลิตและแนวทางการตลาดที่จะผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายกลุ่มเกษตรกร

จุฬาฯ ปลุกการท่องเที่ยวเมืองน่านสีเขียว

“น่าน” มีวิสัยทัศน์ประจำจังหวัด คือ “เมืองแห่งความสุข เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ธรรมชาติสมบูรณ์ เกษตรกรรมอุดมสมบูรณ์ ชุมชนแน่นแฟ้น และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” น่านได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดการพัฒนาการและเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยใช้ 5 กลยุทธ์

วิชาทันตกรรมชุมชนภาคปฏิบัติ : หลักสูตรใส่ใจสุขภาพปากและฟันเพื่อเด็กไทยวันนี้

แม้ประเทศไทยจะมีอัตราการเกิดของเด็กลดน้อยลงเรื่อย ๆ จนต่ำกว่า 600,000 คนต่อปี มาตั้งแต่ปี 2562 แต่ทุกวันนี้ยังคงมีประชากรวัยเด็กมากกว่า 7 ล้านคนที่ภาครัฐยังคงต้องดูแลสุขภาวะด้านต่าง ๆ จากการสำรวจสถานการณ์ฟันผุในเด็กไทยพบว่าปัจจุบัน เด็กไทยเริ่มมีฟันผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน และยังพบเด็กอายุ 3 ปี มีฟันผุเฉลี่ย 3 ซี่ต่อคน

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของคุณ (ตั้งค่า)

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

Accept All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • Necessary cookies
    เปิดใช้งานตลอด

    Necessary cookies are essential for the functioning of the website, allowing you to use and browse the site normally. You cannot disable these cookies in our website's system.

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ

Save