กรณีศึกษา

อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ป่ากลางเมือง พื้นที่สีเขียวเพื่อชุมชนที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้

อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ เป็นพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองบนพื้นที่กว่า 29 ไร่ ของจุฬาฯ อันเกิดขึ้นจากนโยบายการสร้างเมือง GREEN & CLEAN CITY และเพื่อเป็นการตามรอยพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ในการพระราชทานที่ดินให้แก่จุฬาฯ เพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และคืนประโยชน์สู่สังคมส่วนร่วม โดยก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้เข้าใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

พื้นที่สีเขียวของจุฬาฯ แห่งนี้ จึงเป็นพื้นที่เพื่อให้คนทุกเพศทุกวัย ได้เข้ามาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เข้ามาสูดอากาศบริสุทธิ์ผ่อนคลาย สามารถมาเดินหรือออกกำลังรับลมเย็น ๆ ชมพระอาทิตย์ตกดินในบรรยากาศสวยที่หาได้ยาก และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติในย่านใจกลางกรุงเทพฯ

ด้วยแนวคิดในการออกแบบอุทยานแห่งนี้ ที่ไม่เพียงแต่การคำนึงถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ขนาดใหญ่ของย่านที่อยู่อาศัยบริเวณนี้ ยังสร้างความหลากหลายด้วยการใช้พืชพรรณที่หลากหลาย และปลูกแบบธรรมชาติตามแนวคิดป่าในเมือง มอบความเขียวชอุ่ม สดชื่น และสวยงามให้แก่ชุมชน ด้วยดีไซน์การออกแบบอันเกิดจากแรงบันดาลใจมาจากการเติบโตของกิ่งรากจามจุรี ต้นไม้สัญลักษณ์ประจำของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ยังถูกออกแบบให้เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโครงสร้างระบบนิเวศสีเขียวในระดับชุมชนของเมืองแห่งนี้ (URBAN GREEN INFRASTRUCTURE) และคำนึงถึงการรับน้ำและการหมุนเวียนทรัพยากรน้ำภายในอุทยานอย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นต้นแบบสวนสาธารณะที่เป็นพื้นที่หน่วงน้ำของเมือง เอื้อต่อระบบนิเวศที่ดี และเอื้อต่อการทำกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ ของคนในชุมชนได้อีกด้วย [ https://pmcu.co.th/chula-centenary-park/ ]

กิจกรรมและการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อุทยาน

[ https://www.facebook.com/chulalongkornuniversitycentenarypark/ ]

เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่ออกกำลังกาย แหล่งนัดพบปะสังสรรค์ สำหรับคนทุกคน โดยเฉพาะคนในชุมชนที่อาศัยโดยรอบพื้นที่และพื้นที่ใกลัเคียง ที่สามารถเข้าใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ เปิดทุกวัน เวลา 05.00-22.00 น.

กิจกรรมดนตรีในสวน

คนในชุมชนได้ใช้พื้นที่ในการออกกำลังกาย

พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างนิสิตและชุมชน

กิจกรรมศึกษาดูงานจากหน่วยงานภายนอก

เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์หลายรูปแบบ ที่ไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์ และเปิดให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอดทั้งปี เช่น การจัดนิทรรศการกลางแจ้ง เทศกาลดนตรี กิจกรรมด้านต่างๆ เพื่อสังคม การรณรงค์รวมกลุ่มอิสระเพื่อส่งเสริมมิติของข่าวสารข้อมูลด้านสาธารณะ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ จึงเป็นพื้นที่สีเขียวสำคัญของจุฬาลงกรณ์ที่มีบทบาทในการเปิดโอกาสให้สาธารณะเข้ามาใช้งานได้อย่างเต็มที่ ช่วยเชื่อมโยงการใช้พื้นที่ระหว่างย่านการค้าและพื้นที่มหาวิทยาลัยอย่างไร้รอยต่อ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมของกลุ่มคนหลากหลายชนชั้นในสังคมพหุวัฒนธรรม   ตัวอย่างกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นในช่วงปี 2565-2566 เช่น

เทศกาล Village Tourism Festival วันที่ 18-19 มิถุนายน 2565

เทศกาล Village Tourism Festival เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเปิดมุมมองใหม่ต่อการท่องเที่ยววิถีไทยและวิถีท้องถิ่น ให้คนไทยได้สัมผัสและเรียนรู้ภูมิปัญญาจากชุมชนที่มีเอกลักษณ์ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวหลากหลาย อันนำไปสู่การกระจายรายได้สู่ชุมชนและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนตามแนวคิด BCG Model อีกทั้งต่อ ยอดความสำเร็จของรางวัล Thailand Tourism Awards โดยนำเสนอกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล สาขาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ ออนไลน์ [ https://www.thansettakij.com/general-news/529373 ]

งาน “ดนตรีในสวน” ที่อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ ความสุขสนุกสนานและรักษ์สิ่งแวดล้อม วันที่ 4-6 สิงหาคม 2565

งานดนตรีในสวน ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 สิงหาคม 2565 โดยในงานมีการแสดงดนตรีหลากหลาย ทั้งดนตรีสากล ดนตรีไทยประยุกต์ การแสดงความสามรถทางดนตรีโดยวงดนตรีของนิสิตจุฬาฯ คณะต่างๆ นอกจากนี้ในงานยังมีซุ้มกิจกรรมร่วมสนุกมากมาย เช่น ซุ้มเกม งานคราฟต์ ซุ้มดูดวง ซุ้มสอยดาว ทำสบู่แฮนด์เมด ฯลฯ

กิจกรรมในครั้งนี้ยังต้อนรับทุกๆ คนเข้ามามีส่วนร่วมในงาน รวมไปถึงผู้พิการ โดยมีการให้บริการวีลแชร์และห้องน้ำสำหรับผู้พิการ ที่สำคัญงานนี้ยังเป็นแบบอย่างที่ดีของกิจกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยบรรยากาศและกิจกรรมรักษ์โลก โดยมีจุดบริการน้ำดื่ม เพื่อให้ผู้ร่วมงานนำกระบอกน้ำมาเอง งดใช้ถุงพลาสติก บริเวณจุดทิ้งขยะมีการแบ่งชนิดถังอย่างชัดเจน ทั้งขยะแห้งรีไซเคิลได้ ขยะเปียก และเศษอาหาร โดยมีการจัดการนำขยะไปรีไซเคิลต่อไป [ https://www.chula.ac.th/news/80732/ ]

“CHULA SUSTAINABILITY FEST 2022” วันที่ 2 – 4 กันยายน 2565

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดงาน “Chula Sustainability Fest 2022” ระหว่างวันที่ 2 – 4 กันยายน 2565 ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) [ https://www.chula.ac.th/highlight/83534/ ]

พบกับหลากหลายโครงการและกิจกรรมที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขับเคลื่อนดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมความยั่งยืนในด้านต่างๆ ทั้งการพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาสุขภาวะ ตลอดจนการพัฒนาสังคม ตลอดทั้ง 3 วันที่จัดงานมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย นิทรรศการและการนำเสนอผลงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน งานเสวนา Workshop นิทรรศการให้ความรู้ ศิลปะบำบัด ดนตรีในสวน ตลาดนัดสีเขียวจาก Greenery และ Chula SDGs การฉายหนังกลางแปลง ฯลฯ

ขอเชิญชวนบุคลากรจุฬาฯ นิสิตจุฬาฯ นิสิตเก่า และประชาชนทั่วไปที่สนใจร่วมงาน “Chula Sustainability Fest 2022” โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เข้าใจง่าย ช่วยให้ชาวจุฬาฯ และผู้สนใจได้รับรู้และเกิดแรงบันดาลใจในการปรับเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิต การทำงานที่ส่งผลดีต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน [ https://pmcu.co.th/?p=25342 ]

CEO Festival วันที่ 2 – 3 กุมภาพันธ์ 2566

โดยกิจกรรมภายในงาน พบกับคอนเสิร์ตโดยศิลปินแนวหน้าของเมืองไทย อาทิ Foolstep, Lipta, Serious Bacon และ สแตมป์ อภิวัชร์ พร้อมกับร้านค้าของเหล่าผู้เข้าแข่งขันจาก Beat the Biz 2022 ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มจากหลากหลายแบรนด์ ซุ้มเกม บูธถ่ายภาพ และกิจกรรมอีกมากมาย [ https://www.chula.ac.th/news/103128/ ]

Workshop: “Urban Green Infrastructure” ออกแบบพื้นที่สีเขียวสู่เมืองยั่งยืน ที่อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ วันที่ 16 – 22 มีนาคม 2566

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย เชิญคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูป่าไม้และสถาปนิกออกแบบเมืองจากไม้ (Wood cities) จากประเทศสวีเดนลงพื้นที่แลนด์มาร์กสีเขียวใจกลางกรุงเทพฯ “อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ” ร่วม Workshop: “Urban Green Infrastructure” ออกแบบพื้นที่สีเขียวสู่เมืองยั่งยืน โดยคุณ สัจจพงศ์ เล็กอุทัย Design Director บริษัท LANDPROCESS ร่วมแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจในการออกเปลี่ยนพื้นที่รกร้างสู่การออกแบบพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่ พร้อมกับช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมไปพร้อม ๆ กัน  [ https://www.chula.ac.th/news/107781/ ]

Zero Waste Day วันที่ 30 มีนาคม 2566

โครงการ Chula Zero Waste จัดกิจกรรม “การกินข้าวครั้งแรก Zero Waste Day’s Potluck Dinner” ระหว่างน้อง ๆ นิสิตจุฬาฯ กับพี่ ๆ ทีม Chula Zero Waste ที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมาพบปะกัน ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ เนื่องในโอกาสที่สหประชาชาติประกาศให้วันที่ 30 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันปลอดขยะสากล (World Zero Waste Day) ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ กิจกรรม Potluck Dinner กินอาหารที่แต่ละคนเอามาแบ่งกัน กิจกรรม Networking Session ทำความรู้จักเพื่อนๆ ที่มีความสนใจคล้ายกัน [ https://www.chula.ac.th/news/110826/ ]

ภาพ : ปวิตรา ชำนาญโรจน์ Chula Zero Waste

ที่มา:   สำนักงานจัดการทรัพย์สิน  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อื่นๆ

ธนาคารปูม้า เกาะสีชัง ต้นแบบศูนย์เรียนรู้เพิ่มทางรอดปูม้าไทยคืนสู่ท้องทะเลได้ถึงร้อยละ 60

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (2563) มีชาวประมงที่จับปูม้าที่ท้องนอกกระดองมาให้ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบก อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เป็นจำนวน 457 ตัว เพื่อเพาะเป็นลูกปูม้า ปรากฎว่าศูนย์สามารถดูแลปูไข่จนลูกปูม้าถึง 565,219,724 ตัว

สผ. ร่วมกับ GIZ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หารือผู้เชี่ยวชาญในประเด็นความเสี่ยงของพืชเศรษฐกิจหลัก และข้อเสนอเชิงนโยบาย ด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรของประเทศไทย

เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อผลการวิเคราะห์ประเด็นความเสี่ยงจากปัจจัยคุกคามทางสภาพอากาศต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจหลักในแต่ละพื้นที่ย่อย โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้แทนจากสถาบันการศึกษา และภาครัฐ เข้าร่วมการประชุม

จังหวัดชลบุรีมั่นใจ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าเกาะสีชังอุ้มประมงชายฝั่งยั่งยืนทุกมิติ

วัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีการเพาะพันธุ์ปูม้าแบบฟาร์มบนบก ช่วยเพิ่มอัตราการรอดของลูกพันธุ์ปูม้าจากการสลัดไข่ของแม่ปูม้า ซึ่งกลุ่มชาวประมงเรือเล็กหรือชาวประมงพื้นบ้านจะนำแม่ปูม้าที่มีไข่ติดกระดองมาฝากไว้ที่ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบกเพื่อให้ไข่ฟักตัวเป็นลูกปูม้าวัยอ่อนแทนที่จะนำออกขายทันที

เสวนา SDG 14 Life Below Water

จุฬาฯ จัดการเสวนาในซีรีส์ SDG14 ชีวิตในน้ำ การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิจัยทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าร่วมการเสวนา และมีผู้เข้าร่วมการเสวนาประมาณกว่า 200 คน