กรณีศึกษา

ธนาคารปูม้า เกาะสีชัง ต้นแบบศูนย์เรียนรู้เพิ่มทางรอดปูม้าไทยคืนสู่ท้องทะเล

ที่มา: Chula Radio Plus
[ https://www.youtube.com/watch?v=lcOF2TtE-5g ]

ลองเดาดูว่า เมื่อมีปูม้าที่มีไข่ติดมา 457 ตัว จะได้ลูกปูม้าจำนวนเท่าไหร่

เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2563 มีชาวประมงที่จับปูม้าที่ท้องนอกกระดองมาให้ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบก อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เป็นจำนวน 457 ตัว เพื่อเพาะเป็นลูกปูม้า ศูนย์สามารถดูแลปูไข่จนลูกปูม้าถึง 565,219,724 ตัว และแม้ลูกปูม้าจะมีเปอร์เซนต์รอดชีวิตที่ 40-60% ศูนย์ก็ยังสามารถเอาลูกปูม้าไปปล่อยในทะเลได้มากเกินกว่า โดยศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบก กำลังทำให้เกิดขึ้นในทะเลไทย และทำให้ความกังวลว่าปูม้าไทยจะสูญพันธ์ ผู้บริโภคไทยจะขาดแคลนปูม้าที่เป็นอาหารทะเลยอดนิยมได้หมดไป

วิธีการเพาะเลี้ยงของธนาคารปูได้เพิ่มอัตราการรอดชีวิตของปูม้าจากปกติ 1% เป็น 40%–60% ซึ่งสิ่งนี้ได้เพิ่มจำนวนปูม้าในท้องทะเล และส่งเสริมการดำรงชีวิตของชาวประมงท้องถิ่น “ปูม้าเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมและมีความต้องการสูง โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวเช่นเกาะสีชัง แต่ปูม้ามีราคาแพงมากเนื่องจากปริมาณที่ลดลงในธรรมชาติ” ดร. นิลนาจ ชัยธนวิสุทธิ์ จากสถาบันวิจัยทรัพยากรสัตว์น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าว

นอกจากเรื่องเพิ่มอัดตราการรอดชีวิตของลูกปูในท้องทะเลแล้วนั้น โครงการนี้ยังช่วยแก้ปัญหา การลดการลักลอบจับปูม้าไข่นอกกระดองไปขายซึ่งผิดกฎหมาย “เพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ เมื่อชาวประมงที่จับได้ปูม้าที่มีไข่นอกกระดองมา ก็จะเอามาฝากไว้กับโครงการของเรา แล้วเราก็ทำหน้าที่เลี้ยงจนกระทั่งมันฟักตัวออกมา” ดร. นิลนาจ กล่าว แนวคิดเรื่องธนาคารปูนั้นไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักในช่วงแรก ดร. นิลนาจกล่าว แต่หลังจากผ่านไปสองปี ทุกคนในชุมชนได้ร่วมกัน “ฝาก” ปูม้าเข้าธนาคาร “พวกเขาเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของโครงการนี้ เนื่องจากพวกเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศ” ดร.นิลนาจ เล่าต่อ “พวกเขาแสดงให้เราเห็นปูวัยอ่อนที่ตอนนี้หาได้ง่ายใกล้ชายฝั่ง ก่อนหน้านี้สิ่งเหล่านี้หายากมาก ย้อนกลับไปในสมัยพ่อแม่เค้า”

ปูม้าไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่คนไทยชื่นชอบเท่านั้น แต่ยังเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนชายฝั่งทะเลและอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปเพื่อการส่งออก จากการเปิดเผยข้อมูลของกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า ในปี พ.ศ. 2554 ผลผลิตปูม้าของประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 28,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 3,243 ล้านบาท ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 20-30 จากปี พ.ศ. 2540 ที่ขณะนั้นประเทศไทยมีผลผลิตปูม้าอยู่ราว 40,000 ตันต่อปี ส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภคของตลาดและอุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อส่งออก จึงเป็นที่มาของการพัฒนาวิธีการจับปูม้าและเครื่องมือทำประมงให้มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ชาวประมงไทยเคยใช้แร้วปูม้าแบบขอบเดียว ต่างหันมาใช้ลอบปูม้าแบบพับได้และอวนลอยปูม้า อีกทั้งยังได้พัฒนาอวนลอยปูม้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเป็นอวนแบบจมซึ่งสามารถหย่อนลงได้ถึงก้นทะเลเพื่อเพิ่มอัตราการจับปูม้าและเพิ่มโอกาสจับสัตว์น้ำพลอยจับได้ ซึ่งการดัดแปลงอุปกรณ์ในข้างต้นส่งผลให้ทรัพยากรปูม้าไทยถูกจับมาบริโภคเกินกำลังการขยายพันธุ์ของปูม้าตามธรรมชาติ จนอาจเป็นเหตุให้ปูม้าไทยใกล้สูญพันธุ์ได้ในอนาคต

ด้วยเหตุนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ ซึ่งมีสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิตอยู่ที่เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี จึงได้กำหนดแนวทางฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากการทำประมงปูม้า โดยจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบนบก อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

ที่ผ่านมา การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้ายังประโยชน์ให้คนบนเกาะสีชังที่ประกอบอาชีพทำประมงราว 3,500 คน คิดเป็นกว่าร้อยละ 70 ของประชากรในพื้นที่ทั้งหมด และศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ยังได้รับการพัฒนาให้เป็นต้นแบบกลไกการบูรณาการใช้ประโยชน์จากการวิจัยนวัตกรรม

แก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศและการบริหารจัดการทรัพยากรของชาติจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและภาคีเครือข่ายได้ขยายผลไปยังชุมชนในพื้นที่ท้องทะเลไทยในฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ทั้งสิ้นจำนวนอีก 4 แห่ง 1) ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าวิสาหกิจชุมชุนบ้านบางเสร่ จังหวัดชลบุรี 2) ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านเกาะมุกด์ (อ่าวหัวนอน) อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 3) ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านเกาะมุกด์ (อ่าวมะขาม) อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง และ 4) ศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าบ้านปากคลองท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ในปี 2564 ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารปูบนเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้ธนาคารสัตว์ทะเล เกาะสีชัง โดยชุมชนท้องถิ่นเพื่อชุมชนท้องถิ่นในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ศูนย์เรียนรู้การเพาะพันธุ์ปูม้าและธนาคารปูม้าแบบมีส่วนร่วมของชุมชน อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ได้รับรางวัลรองชนะเลิศประเภทศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าชุมชน ในการประกวด “ธนาคารปูม้าชุมชน” เพื่อความยั่งยืน ในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2564”

ที่มา:

  • สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:

อื่นๆ

จุฬาฯ ปลุกการท่องเที่ยวเมืองน่านสีเขียว

“น่าน” มีวิสัยทัศน์ประจำจังหวัด คือ “เมืองแห่งความสุข เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ธรรมชาติสมบูรณ์ เกษตรกรรมอุดมสมบูรณ์ ชุมชนแน่นแฟ้น และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” น่านได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดการพัฒนาการและเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยใช้ 5 กลยุทธ์

ค่ายวิศวพัฒน์ ส่งต่อองค์ความรู้การจัดการน้ำสู่ชุมชนเพื่อความยั่งยืน

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย 12 ภาควิชา รวมถึง ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสำรวจ และวิศวกรรมแหล่งน้ำ พร้อมด้วยคณาจารย์ผู้ทรงความรู้ ถือเป็นแหล่งบ่มเพาะองค์ความรู้ที่สำคัญทางการชลประทานที่พร้อมถ่ายทอดสู่นิสิต นำไปสู่การฝึกปฏิบัติจริงในการแก้ปัญหาด้านการจัดการน้ำให้กับชุมชนห่างไกล ผ่านค่ายวิศวพัฒน์ ซึ่งเป็นโครงการค่ายวิศวกรรมอาสาพัฒนาชนบทที่พร้อมปลูกฝังความเป็นผู้นำทั้งในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมให้แก่นิสิตจิตอาสาที่เข้าร่วมค่าย

พิพิธภัณฑ์ของจุฬาฯ: แหล่งเรียนรู้โลกกว้างที่ทุกคนเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต

ภายในพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากจะเป็นที่ตั้งของคณะและสถาบันสำคัญที่ทั้งสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ให้นิสิตผลิตบัณฑิตให้พร้อมออกไปรับใช้สังคมแล้ว จุฬาฯ ยังได้เปิดพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงวิชาการและการอนุรักษ์ให้นิสิต คณาจารย์ และบุคลากร รวมทั้งบุคคลภายนอกที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้ตลอดชีวิต