จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดให้มีหลักสูตรเรียนฟรีออนไลน์ จัดพื้นห้องสมุดให้ใช้ฟรี และ co-working space แก่นิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไป
Photo by Samantha Borges on Unsplash
การศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่ได้มีไว้สำหรับนักศึกษาเท่านั้น เป็นสถานที่สำหรับทุกคน จุฬาลงกรณ์ได้พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการเรียนรู้ออนไลน์อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนแนวคิดของ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” และเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนไทยเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่โดยไม่ต้องไปเรียนในมหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้อย่างเท่าเทียมกัน แพลตฟอร์มดังกล่าวนำเสนอหลักสูตรที่จัดทำโดยบริษัทสตาร์ทอัพของจุฬาฯ และได้รับรางวัลมากมายจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ (การเรียนรู้ตลอดชีวิต) ให้การเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางการศึกษาสำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เช่น คอมพิวเตอร์ ห้องสมุด หลักสูตรออนไลน์ และการบรรยาย
Chula MOOC (Massive Open Online Course)
[ https://mooc.chula.ac.th/courses ]
แพลตฟอร์มการศึกษาใหม่ Chula MOOC เป็นบริการการศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ตที่สามารถกระจายไปยังทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเริ่มเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2560 Chula MOOC ได้พัฒนาหลักสูตรไปแล้วมากว่า 30 หลักสูตร ขณะนี้มีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับทักษะด้านไอที สุขภาพ ศิลปะ และการพัฒนาตนเอง โดยเมื่อเรียนจบหลักสูตรผู้เรียนจะได้ใบรับรอง (Certificate) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในประเทศไทยที่ผลิตหลักสูตร MOOC เป็นของตัวเอง Chula MOOC มีเป้าหมายในการพัฒนาหลักสูตรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรในองค์กร โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของสาธารณชน และในอนาคตอันใกล้นี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวจะเปิดให้บุคนทั่วไปมีส่วนร่วม โดยเปิดโอกาสให้บุคคลที่สนใจสามารถสร้างหลักสูตรออนไลน์ด้วยเนื้อหาที่ตนเลือกได้ ด้วยข้อได้เปรียบเหล่านี้ ผลกระทบจึงขยายออกไปนอกชุมชน จุฬา MOOC จะอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา
นอกจากนี้ยังเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกิดวิธีการใหม่ ๆ ในการสอนและสร้างความตระหนักในการแก้ไขปัญหาสังคม ในเวลาเพียงสี่ปีมีผู้ใช้งานมากกว่า 300,000 รายและผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่าหนึ่งล้านคน ซึ่งแพลตฟอร์มนี้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
CU Neuron
[ https://cuneuron.chula.ac.th/index_en ]
CU Neuron เป็นระบบการเรียนการสอนออนไลน์สำหรับหมวดวิชาศึกษาทั่วไปและ CUVIP ที่มีคุณภาพ ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งนิสิต บุคลากร ศิษย์เก่า นักเรียนมัธยมปลาย และประชาชนทั่วไป ให้สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองผ่านช่องทางการเรียนรู้ที่หลากหลายรูปแบบ เรียนรู้ได้จากทุกสถานที่และทุกเวลา
ระบบสนับสนุนการเรียนการสอนรายวิชาศึกษาทั่วไปและกิจกรรม CUVIP ในระบบออนไลน์ที่มีคุณภาพของเนื้อหาอย่างครบถ้วน ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นิสิต/นักศึกษา บุคลากร ศิษย์เก่า นักเรียนระดับมัธยมศึกษา และประชาชนทั่วไป ให้สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองผ่านช่องทางการเรียนรู้ที่หลากหลายรูปแบบ เรียนรู้ได้จากทุกสถานที่และทุกเวลา อีกทั้งมีระบบธนาคารเครดิตรายบุคคลที่รวบรวมข้อมูลการเรียนรู้ไว้อย่างเป็นระบบเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและตลอดชีวิตของบุคคล ซึ่งการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยการพัฒนาทักษะการดำเนินชีวิตและการทำงานที่สอดคล้องกับวิถีปัจจุบันและในอนาคตของบุคคลถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของศูนย์การศึกษาทั่วไป ซึ่งหลังสูตรมีการพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันสมัย และสามารถนำไปใช้ได้จริง
สำนักงานวิทยทรัพยากร หอสมุดกลาง และห้องสมุดคณะ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีห้องสมุดตามคณะ สถาบัน และวิทยาลัยต่างๆ จำนวน 36 แห่ง ซึ่งรวมกันเป็นเครือข่ายที่เรียกว่า Chulalinet โดยสำนักงานวิทยทรัพยากร (หอสมุดกลาง) เป็นศูนย์กลางในการรบรวมตำรา วิทยานิพนธ์ และงานวิจัยต่าง และดูแลประสานงานกับห้องสมุดตามคณะ สำนักงานวิทยทรัพยากรได้เปิดสาขาที่อาคารจามจุรี 9 โดยออกแบบให้เป็นพื้นที่ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ชั้นล่างจัดเป็นพื้นที่อ่านหนังสือ พร้อมห้องเล่นบอร์ดเกม สำหรับนิสิตและบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและประชาชนทั่วไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย [ http://www.sustainability.chula.ac.th/report/187/ ]
นอกจากนี้สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังเปิดให้นิสิตและบุคคลทั่วไปได้เข้าใช้งาน CUIR (The Chulalongkorn University Intellectual Repository) บริการสืบค้นและดาวน์โหลดวิทยานิพนธ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดวิทยานิพนธ์แบบ “Full Text” ได้โดยไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ เข้าได้ที่ https://cuir.car.chula.ac.th/
เมืองนวัตกรรมแห่งสยาม
เมืองนวัตกรรมแห่งสยาม หรือ “Siam Innovation District” (SID) ได้รับการพัฒนาโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้ชื่อ CU Innovation Hub เป็นกว่าเวลา 3 ปี ทางโครงการได้จัดเตรียมพื้นที่ 1,000 ตร.ม. ในบริเวณสยามสแควร์เพื่อรองรับพื้นที่การเรียนรู้ท่ามกลางเมืองหลวงของกรุงเทพฯ SID เป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนระหว่างความรู้เชิงนวัตกรรม ซึ่งช่วยพัฒนาความสามารถของคนไทยในการแข่งขันและก้าวหน้าในเวทีระหว่างประเทศ โดยได้จัดกิจกรรมต่างๆ มากมายที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรไทย เช่น เวิร์กช็อป การบรรยาย นิทรรศการ รวมถึงการแสดงไอเดียฝีมือของคนไทย พื้นที่นี้ให้บริการ co-working space โดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้พัฒนานวัตกรรมด้านต่างๆ มากกว่า 50,000 คน จึงได้จัดตั้งชุมชน Smart Intelligence เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับสตาร์ทอัพเชิงนวัตกรรมประมาณ 180 บริษัท เช่น Baiya Phytopharm Nabsolute Haxter CU RoboCOVID Tann D และ VIA BUS ท่ามกลางยุค Digital Disruption สตาร์ทอัพเหล่านี้คือความหวังใหม่ในอุตสาหกรรมที่จะให้เป็นเครื่องจักรกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งในตลาดปัจจุบันมีมูลค่าถึง 150,000 ล้านบาท และกระจายผลประโยชน์ไปสู่ผู้คนมากกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ และนี่คือตัวอย่างบางส่วนของกิจกรรมประเภทต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนได้เข้าร่วม
- “ติดอาวุธไอเดีย พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส” กับ Foodstory เปลี่ยนธุรกิจร้านอาหารอย่างไรในยุคดิจิทัลให้อยู่รอด
- “COSMETIC LAB Training Workshop” เป็นการสาธิตการทำโลชั่น
- “Study8 Seminar Series: A Knowledge Promotion Seminar for SME” หัวข้อ “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI และ Social Media เพื่อการเติบโตและกำไรของธุรกิจ”
- “Urban Farmer” เป็นโครงการอบรมการปลูกพืชแนวตั้งภายใต้ความร่วมมือระหว่าง CU Innovation Hub และ noBitter ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการเกษตรที่มุ่งเน้นแก้ปัญหาอาหารเหลือใช้
ผู้ร่วมงานจะได้รับและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาธุรกิจและการดำเนินงาน ตลอดจนการสร้างแอปพลิเคชันเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม อีกทั้งประมวลความรู้และทักษะพื้นฐานในการต่อยอดธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กิจกรรมเหล่านี้นำมาซึ่งการพัฒนาสังคมสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดเป็นผู้ประกอบการหรือผู้ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์ และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง [ http://www.sustainability.chula.ac.th/report/829/ ]
ที่มา:
- สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สำนักบริหารวิชาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์การศึกษาทั่วไป จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง:
- http://www.sustainability.chula.ac.th/report/2397/
- https://www.chula.ac.th/news/86438/
- https://mooc.chula.ac.th/courses
- https://mooc.chula.ac.th/how-to
- https://cuneuron.chula.ac.th/
- https://cuneuron.chula.ac.th/index_en
- https://www.adpt.news/2022/06/13/mdcu-med-u-more/
- http://www.sustainability.chula.ac.th/report/2402/
- http://www.sustainability.chula.ac.th/report/187/
- http://www.sustainability.chula.ac.th/report/829/
- https://www.chula.ac.th/news/18036/
อื่นๆ
จุฬาฯ สนับสนุนการศึกษาสำหรับทุกคน ไม่แบ่งแยก
การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับทุกคนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งผลให้การพัฒนาประเทศดีขึ้น การศึกษาไม่ควรจำกัดเฉพาะเยาวชนเท่านั้น การศึกษาไม่ควรมีค่าใช้จ่ายและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ แม้ว่าพวกเขาจะรวยหรือจน
หลากหลายกิจกรรมการศึกษาเพื่อสร้างความยั่งยืนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จัดสู่ชุมชนและสังคม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษา มุ่งเน้นใช้องค์ความรู้ที่มีหลากหลายศาสตร์ในการพัฒนาชุมชนและสังคมให้ดีขึ้น การดำเนินการด้านหนึ่งของมหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมด้านการศึกษาให้กับสังคมในวงกว้างทั้งกับกลุ่มศิษย์เก่า ประชาชนทั่วไป ผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ผู้พลัดถิ่นเพื่อให้ส่งเสริมให้คนทุกกลุ่มมีความรู้ในการดูแลตนเอง และสามารถเป็นกำลังคนที่มาช่วยในการพัฒนาชุมชนและสังคมต่อไปได้ รวมทั้งเป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วย
จุฬาฯ หวังเพิ่มประชากรเต่าทะเล หนุนตั้งเครือข่ายคุ้มครองแหล่งวางไข่ในอ่าวไทย
จำนวนเต่าทะเลในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 แม้รัฐบาลจะประกาศใช้กฎหมาย กำหนดเขตหวงห้าม ประกาศขึ้นทะเบียนเต่าทะเลในบัญชีรายชื่อของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งพันธุ์พืชป่าและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และพยายามสำรวจและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งอาศัยของเต่าทะเล เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในการอนุรักษ์เต่าทะเลก็ตาม แต่จำนวนของเต่าทะเลในประเทศไทยยังคงลดลงจนใกล้ถึงจุดวิกฤต จากจำนวนมากกว่า 2,500 รังต่อปี เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงปีละ 300-400 รังต่อปี เท่านั้น
จุฬาฯ ปลุกท่องเที่ยวน่านโตสมดุลและยั่งยืน ชู “เที่ยวกรีน กินคลีน เสพศิลป์เมืองน่าน”
“น่าน” มีวิสัยทัศน์ประจำจังหวัด คือ “เมืองแห่งความสุข เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ธรรมชาติสมบูรณ์ การเกษตรมั่งคั่ง ชุมชนเข้มแข็ง ท่องเที่ยวยั่งยืน” จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนเพื่อให้เป็นเมืองที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน